วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ยิ่งพัฒนายิ่งอ่อนแอเครื่องมือแก้คือการศึกษา

ยิ่งพัฒนายิ่งอ่อนแอเครื่องมือแก้คือการศึกษา
โดย บุญโชค พลดาหาญ

จากอดีตที่ผ่านมาหลาย ๆ ที่ มีการทำงานเอาหน้า คอยแย่งชิงงบประมาณมาให้ได้มากๆ เอามาจัดฉากหลอกกันไป หมู่บ้านไหนเด่นดีมีความเข้มแข็ง เพื่อเป็นการผ่อนแรงในการทำงาน เป็นต้องเข้าไปจัดการสนับสนุนทุกที่ มีโครงการต่าง ๆ จัดไปให้ โดยยึดนโยบายหน่วยงานตนเป็นที่ตั้ง ทั้งๆที่หมู่บ้านพึ่งตนเองได้ดี จะได้มีผลงานไว้โชว์นาย ให้มีการประกวดแข่งขัน จะได้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ โดยมักแอบอ้างเอาดีใส่ตัว จนชาวบ้านมั่วสับสน เพราะแต่ละหน่วยงานล้วนขอร้องให้ตน บอกว่าเป็นคนมาสนับสนุนอย่างนั้นอย่างนี้ เวลามีหน่วยเหนือมาติดตามงาน เกณฑ์ชาวบ้านมาสนับสนุน ลงทุนกันจัดฉากให้ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ให้บางอย่างก็มากมายแต่ไร้ค่าเกินความจำเป็น มีการเน้นโฆษณาว่าเป็นหมู่บ้านตัวอย่างเรื่องนั้นเรื่องนี้

ความดีงามที่เคยมีค่อยๆจางหายไป เพราะราชการเข้าไปให้จนเหลือเฟือเกิดความอ่อนแอ รอแต่ราชการเข้าไปให้อย่างเดียว คนดูงานก็แห่เที่ยวมาดูกัน เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง โดยไม่เกรงใจคนรับบ้าง โดยทางราชการจัดพามา แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำมาหากิน อย่างนี้ท่านนายกทักษิณต้องเอาไปตัดคอ พวกราชการที่ประจบสอพลอและมักง่าย ไม่ต้องรอให้ท่านบรรหาญขอร้อง พวกพี่น้องประชาชนอย่าหลงทาง ทำมาหากินเสียบ้าง อย่าเป็นเครื่องมือให้ทางราชการที่มักง่าย จงได้หมั่นศึกษาหาความรู้ มุ่งสู่การพึ่งพาตนเองให้ได้ อย่างที่ได้เคยเป็นมา การศึกษาหาความรู้ จงมองดูสิ่งใกล้ตัว องค์ความรู้มีอยู่ทั่วไปในชุมชน ทั้งที่เป็นตัวคนภูมิปัญญา แหล่งค้นคว้าเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ทั้งห้องสมุด/ศูนย์การเรียนชุมชน การค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ต เกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากทางหนังสือพิมพ์และทีวี ล้วนมีอยู่มากมายหลากหลายเหลือคณา ถือได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยของชุมชน หากยังสับสนไม่แตกฉาน

เชิญทุกท่านปรึกษาครูการศึกษานอกโรงเรียนได้ รวมทั้งปรึกษาในส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้น ๆ ขอให้ทุกท่านเรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต และคิดพึ่งพาตนเอง อย่ายำเกรงระบบราชการ แล้วทุกท่านจะเข้มแข็งก้าวหน้า การพัฒนาที่ยั่งยืนจะคืนมา การทำงานเอาหน้าจะหายไป ขอฝากข้อคิดไว้ ครับผม

ไม่มีความคิดเห็น: