วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550

boonchok: เลือกตั้งทั้งทีไม่เลือกคนดีมีความรู้ความสามารถถือว่าทรยศต่อชาติขาดสติ

boonchok: เลือกตั้งทั้งทีไม่เลือกคนดีมีความรู้ความสามารถถือว่าทรยศต่อชาติขาดสติ

boonchok: คนดีในวิถีประชาธิปไตยกับการเลือกตั้ง

boonchok: คนดีในวิถีประชาธิปไตยกับการเลือกตั้ง

boonchok: เลือกตั้ง ส.ส.ไปทำไม

boonchok: เลือกตั้ง ส.ส.ไปทำไม

boonchok: 23 ธันวาพิสูจน์ว่าชาวเลยมีศักดิ์ศรีหัวใจมีประชาธิปไตยหรือไม่

boonchok: 23 ธันวาพิสูจน์ว่าชาวเลยมีศักดิ์ศรีหัวใจมีประชาธิปไตยหรือไม่

boonchok: การเมืองเรื่องของทุกคน...คนนะไม่ใช่แมว

boonchok: การเมืองเรื่องของทุกคน...คนนะไม่ใช่แมว

boonchok: สังคมวิบัติเพราะเป็นทาสทุนนิยม

boonchok: สังคมวิบัติเพราะเป็นทาสทุนนิยม

boonchok: เศรษฐกิจพอเพียงทางสายกลางสร้างครอบครัวอบอุ่นชุมชนเข้มแข็งชาติมั่นคง

boonchok: เศรษฐกิจพอเพียงทางสายกลางสร้างครอบครัวอบอุ่นชุมชนเข้มแข็งชาติมั่นคง

boonchok: ยิ่งพัฒนายิ่งอ่อนแอเครื่องมือแก้คือการศึกษา

boonchok: ยิ่งพัฒนายิ่งอ่อนแอเครื่องมือแก้คือการศึกษา

boonchok: เผด็จการเข้าป่าไป ประชาธิปไตยกลับคืนมา

boonchok: เผด็จการเข้าป่าไป ประชาธิปไตยกลับคืนมา

boonchok: ชี้เบาะแสและล้างบางการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ

boonchok: ชี้เบาะแสและล้างบางการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ

boonchok: ค่าของคนอยู่ที่ไหน ?

boonchok: ค่าของคนอยู่ที่ไหน ?

boonchok: ตื่นเถิดชาวไทยมาร่วมแรงร่วมใจกันยกระดับการศึกษาของชาติ

boonchok: ตื่นเถิดชาวไทยมาร่วมแรงร่วมใจกันยกระดับการศึกษาของชาติ

boonchok: บ้านวัดโรงเรียนเปลี่ยนไป

boonchok: บ้านวัดโรงเรียนเปลี่ยนไป

boonchok: หลัก 10 ประการ ตามรอยพระยุคลบาท...เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

boonchok: หลัก 10 ประการ ตามรอยพระยุคลบาท...เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน

boonchok: ข้อคิดภาวะผู้นำของพระธรรมปิฎก

boonchok: ข้อคิดภาวะผู้นำของพระธรรมปิฎก

boonchok: สานฝันปั้นแต่งคูปองส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

boonchok: สานฝันปั้นแต่งคูปองส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

boonchok: เทศบาลเมืองเลยวิสัยทัศน์ไกลให้โรงเรียนในสังกัดจัดการศึกษาทั้ง 3 ระบบ

boonchok: เทศบาลเมืองเลยวิสัยทัศน์ไกลให้โรงเรียนในสังกัดจัดการศึกษาทั้ง 3 ระบบ

boonchok: เรียนคอมที่กศน.ห้องแอร์ทุกอำเภอกว่า 600 เครื่อง

boonchok: เรียนคอมที่กศน.ห้องแอร์ทุกอำเภอกว่า 600 เครื่อง

boonchok: เพาะบ่มครูเทศบาลเพื่อจัดการศึกษานอกระบบให้สอดคล้องวิถีชีวิต

boonchok: เพาะบ่มครูเทศบาลเพื่อจัดการศึกษานอกระบบให้สอดคล้องวิถีชีวิต

boonchok: คนไทย 18 ล้าน ไม่อ่านหนังสือ ถือเป็นสถิติน่าตกใจ

boonchok: คนไทย 18 ล้าน ไม่อ่านหนังสือ ถือเป็นสถิติน่าตกใจ

boonchok: โจทย์ท้าทายผู้บริหารงานกศน.ที่ปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: โจทย์ท้าทายผู้บริหารงานกศน.ที่ปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: นโยบายเร่งด่วนของกศน.ปี51ซึ่งปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: นโยบายเร่งด่วนของกศน.ปี51ซึ่งปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: ปี 2550 ปีแห่งการเทียบโอนความรู้ กศน.เลยสร้างแกนนำหมู่บ้านละคนเป็นอย่างน้อย

boonchok: ปี 2550 ปีแห่งการเทียบโอนความรู้ กศน.เลยสร้างแกนนำหมู่บ้านละคนเป็นอย่างน้อย

boonchok: ประสบการณ์ ผลงาน อาชีพ ทักษะด้านต่าง ๆ มีคุณค่า

boonchok: ประสบการณ์ ผลงาน อาชีพ ทักษะด้านต่าง ๆ มีคุณค่า

boonchok: ขยัน ประหยัด ชาตินิยม สิ่งที่ชื่นชมประทับใจในเวียดนาม

boonchok: ขยัน ประหยัด ชาตินิยม สิ่งที่ชื่นชมประทับใจในเวียดนาม

boonchok: ข้อคำนึงการจัดการเรียนรู้ให้ผู้ใหญ่

boonchok: ข้อคำนึงการจัดการเรียนรู้ให้ผู้ใหญ่

boonchok: การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนต้องมาร่วมจัดการศึกษา

boonchok: การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนต้องมาร่วมจัดการศึกษา

boonchok: บัญญัติ 10 ประการ การปฏิรูปการเรียนการสอนของกศน.

boonchok: บัญญัติ 10 ประการ การปฏิรูปการเรียนการสอนของกศน.

boonchok: การจัดการความรู้ในชุมชนโดยชุมชนเพื่อชุมชน

boonchok: การจัดการความรู้ในชุมชนโดยชุมชนเพื่อชุมชน

boonchok: การจัดการความรู้

boonchok: การจัดการความรู้

boonchok: กศน.เลยมุ่งพัฒนาบุคลากรทุกคนด้านเทคโนโลยีก่อนที่จะลุยพัฒนาคนอื่นอย่างจริงจัง

boonchok: กศน.เลยมุ่งพัฒนาบุคลากรทุกคนด้านเทคโนโลยีก่อนที่จะลุยพัฒนาคนอื่นอย่างจริงจัง

boonchok: กศน.เลยส่งเสริมการอ่านให้ผู้ใหญ่บ้านกำนันเป็นสมาชิกห้องสมุดฯทุกคน

boonchok: กศน.เลยส่งเสริมการอ่านให้ผู้ใหญ่บ้านกำนันเป็นสมาชิกห้องสมุดฯทุกคน

boonchok: กศน.เลยฝันไกลจะจับแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาทั้งหลายใส่วีซีดี.130เรื่อง

boonchok: กศน.เลยฝันไกลจะจับแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาทั้งหลายใส่วีซีดี.130เรื่อง

boonchok: กศน.เลยเน้นความคล่องตัวโปร่งใสให้จ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารทุกกรณี

boonchok: กศน.เลยเน้นความคล่องตัวโปร่งใสให้จ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารทุกกรณี

boonchok: อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

boonchok: อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

boonchok: กศน.เลยมุ่งเศรษฐกิจพอเพียง ใครไม่ได้เรื่องตัดออกจากกองมรดก

boonchok: กศน.เลยมุ่งเศรษฐกิจพอเพียง ใครไม่ได้เรื่องตัดออกจากกองมรดก

boonchok: MOU ได้ผล คนกำลังเรียนม.ปลายกับกศน.ศึกษาต่อม.ราชภัฏได้เลย

boonchok: MOU ได้ผล คนกำลังเรียนม.ปลายกับกศน.ศึกษาต่อม.ราชภัฏได้เลย

boonchok: 9 คำสอนพ่อ

boonchok: 9 คำสอนพ่อ

boonchok: อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

boonchok: อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

boonchok: 108 วิธีประหยัดพลังงาน

boonchok: 108 วิธีประหยัดพลังงาน

boonchok: 80 วิธีหยุดโลกร้อน

boonchok: 80 วิธีหยุดโลกร้อน

boonchok: มองแต่ดี...พระอาจารย์พุทธทาส

boonchok: มองแต่ดี...พระอาจารย์พุทธทาส

boonchok: เรียนคอมที่กศน.ห้องแอร์ทุกอำเภอกว่า 600 เครื่อง

boonchok: เรียนคอมที่กศน.ห้องแอร์ทุกอำเภอกว่า 600 เครื่อง

boonchok: กศน.เลยมุ่งเศรษฐกิจพอเพียง ใครไม่ได้เรื่องตัดออกจากกองมรดก

boonchok: กศน.เลยมุ่งเศรษฐกิจพอเพียง ใครไม่ได้เรื่องตัดออกจากกองมรดก

boonchok: เชิญสถานประกอบการด้านอาชีพต่างๆร่วมสอนวิชาชีพให้กับประชาชน

boonchok: เชิญสถานประกอบการด้านอาชีพต่างๆร่วมสอนวิชาชีพให้กับประชาชน

boonchok: อปท.เลยวิสัยทัศน์ไกลร่วมใจกันยกระดับการศึกษาเป้าหมายกว่า3 แสนคน

boonchok: อปท.เลยวิสัยทัศน์ไกลร่วมใจกันยกระดับการศึกษาเป้าหมายกว่า3 แสนคน

boonchok: โจทย์ท้าทายผู้บริหารงานกศน.ที่ปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: โจทย์ท้าทายผู้บริหารงานกศน.ที่ปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: นโยบายเร่งด่วนของกศน.ปี51ซึ่งปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: นโยบายเร่งด่วนของกศน.ปี51ซึ่งปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

boonchok: อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

boonchok: อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ศธ.เตรียมยกเครื่องกศน.รับกฎหมายใหม่

ศธ.เตรียมยกเครื่องกศน.รับกฎหมายใหม่
โดย บุญโชค พลดาหาญ


ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คาดว่าร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจะมีผลบังคับ ใช้เป็นกฎหมายประมาณต้นปี 2551 นั้น ขณะนี้ ศธ.ได้กำหนด 11 แนวทางเพื่อยกเครื่องงานของสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ให้สอดคล้องกับกฎหมายดังกล่าว ได้แก่

1. ยกร่างกฎกระทรวง 4 ฉบับ และประกาศ 3 ฉบับไว้แล้ว

2. จะนำร่างแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเสนอ ครม. เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทในปี 2551-2554 รวมทั้งจะผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อสร้างกระแสสังคมให้คนไทย 65 ล้านคนต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต

3. ปรับระบบการจัดการศึกษานอกระบบให้ทันสมัย บริการแบบมืออาชีพ มีกระบวนการเรียนรู้ได้หลายวิธี โดยเน้นให้ กศน.จัดเองร้อยละ 60 และให้เครือข่ายร่วมจัดร้อยละ 40 โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือ แรงงานในสถานประกอบการที่มีความรู้แค่ประถมปีที่ 4 จำนวน 21.6 ล้านคน

4. พัฒนาระบบประกันคุณภาพการจัดการศึกษา โดยใช้ตัวชี้วัดของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษา (สมศ.)

5. จัดทำเว็บ Google Nonformal Education ในชื่อ www.gnfe.go.th เพื่อเป็นคลังข้อมูลและตลาดวิชาของ กศน. ซึ่งจะมีหลักสูตรให้บริการกว่า 1,000 หลักสูตร และมีเนื้อหาทั้งหนังสือ นิตยสาร วารสาร และบทความกว่า 100,000 รายการ

6. จัดอบรมพัฒนาผู้บริหาร ครู และบุคลากรทั้งหมด 17,840 คน

7. วางระบบพัฒนาแหล่งเรียนรู้และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนไปแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ในชุมชน

8. จัดทำคัมภีร์ กศน. ในรูปศัพท์ทานุกรม เพื่ออธิบายความหมายของศัพท์ที่เกี่ยวกับการศึกษานอกระบบ การศึกษาทางเลือก การศึกษาต่อเนื่อง การศึกษาทางไกล การศึกษาตามอัธยาศัยและศัพท์อื่น

9. วางระบบการพัฒนาเครือข่ายในการร่วมจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งระบบให้บริการการเทียบโอนผลการเรียน

10. พัฒนาระบบการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทั้งภายในองค์กรและการรายงานความก้าวหน้าเพื่อให้ประชาชนติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของ กศน. และ

11.จัดทำแผนพัฒนาอาคารสถานที่และอุปกรณ์ โดยมีการสำรวจภูมิ สถาปัตย์ อาคารและพาหนะต่าง ๆ ไว้เป็นแผน 4 ปี และจะทยอยพัฒนาเพื่อสร้างศูนย์การเรียนรู้ที่ทันสมัย มีเทคโนโลยีใหม่ โดยได้รับความร่วมมือจาก Google Thailand เข้าร่วมพัฒนาการใช้เทคโนโลยีเพื่อการสื่อสารและการเรียนการสอน.

(จาก นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม 2550)


ผมนำมาเสนอเผื่อว่าบางท่านไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ จะได้ตามให้ทันและเตรียมการในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ...ครับผม


อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

อบจ.เลยใจปล้ำกระหน่ำจัดงบให้กศน.จัดการศึกษากว่า 131 ล้าน

โดย บุญโชค พลดาหาญ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเลยโดยการนำของ “นายกธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ” และท่านประธานสภา ผู้มีนามว่า “วรพันธ์ จินดาพงษ์” ร่วมกับองค์คณะสมาชิกอบจ.ทุกท่าน ได้เห็นความสำคัญในการให้การศึกษาทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้สนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษานอกโรงเรียนในปี 2549 มา 20 กว่าล้าน ในการปรับปรุงห้องสมุดประชาชนจังหวัดและอำเภอทุกอำเภอใหม่ ให้เป็นห้องสมุดอิเล็กทรอ
นิกส์ที่ทันสมัย 20 ล้าน สำหรับให้บริการด้านอินเตอร์เน็ตแก่พี่น้องประชนทั้งส่วนเรียนและการบริการ สนับสนุนงบประมาณการจัดวิชาชีพเพื่อแก้ปัญหาความยากจนกว่า 2 ล้าน สนับสนุนการกีฬาและนันทนาการ การออกหน่วยบริการอบจ.และกศน.เคลื่อนที่กว่า 4 แสนบาทไปแล้วนั้น


บัดนี้ท่านผู้บริหารและทีมงานอบจ.เลยดังกล่าว ได้เอาเรื่องการศึกษาเป็นนโยบายสำคัญ โดยถือว่าการให้การศึกษานั้นเป็นการติดอาวุธทางปัญญา เป็นการพัฒนาที่ตัวพี่น้องประชาชนโดยตรง อันจะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป นับว่าเป็นการให้ความจริงใจแก่ประชาชนอย่างจริงจัง โดยตั้งงบประมาณในแผนของ อบจ.3ปี (ปี2550-2552) จัดงบประมาณให้กศน.เลยนี้เพื่อจัดการศึกษาแก่ประชาชน 4 โครงการ รวมเป็นเงินงบประมาณกว่า 131 ล้าน ดังนี้


1. โครงการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับประชากรกำลังแรงงาน เพื่อจัดการศึกษาให้กับประชากรวัยแรงงานให้มีการศึกษาระดับมัธยมต้นขึ้นไป งบประมาณรวม 60,475,952 บาท แยกเป็นปี 2550-2552 ตามลำดับคือ 10,552,064 บาท, 16,312,078 บาท, 33,611,810 บาท


2. โครงการ กศน.เพื่อขจัดปัญหาความยากจนระดับบุคคล เพื่อให้ประชาชนสามารถนำความรู้ไปประกอบอาชีพ งบประมาณรวม 39,740,000 บาท แยกเป็นปี 2550-2552 ตามลำดับคือ 6,215,000 บาท,13,410,000 บาท, 20,115,000 บาท


3. โครงการห้องสมุดมีชีวิต เพื่อพัฒนาห้องสมุดมีชีวิตชีวา เป็นศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน และเพื่อส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน งบประมาณรวม 3,900,000 บาท แยกเป็นงบประมาณปี 2550-2552 ปีละ 1,300,000 บาท


4. โครงการเรียนรู้สู่โลกกว้างกับ กศน. เพื่อให้มีแหล่งข้อมูลข่าวสารทุกตำบล และมีการใช้แหล่งข้อมูลชุมชน งบประมาณรวม 27,000,000 บาท แยกเป็นงบประมาณปี 2550-2552 ปีละ 9 ล้านบาท


นับว่าชาวเลยโชคดี ที่มีผู้นำอบจ.และทีมงานมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ได้ให้ความสำคัญในการจัดการศึกษาแก่พี่น้องประชาชน ขอให้ผลบุญนี้ส่งผลให้ท่านทั้งหลาย ได้เป็นนักการเมืองตลอดกาล มีความรุ่งเรืองในหน้าที่การงานและกิจการส่วนตัว ครอบครัวมีความสุขยิ่งๆขึ้นไป เพื่อเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้พึ่งพา และนำความเจริญมาสู่พื้นที่จังหวัดเลยอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา กระทรวงศึกษาธิการได้เอาไปยกย่องให้อบจ.เลยเป็นเครือข่ายดีเด่นระดับชาติ ประกาศเชิดชูและรับโล่ในวันที่ 8 กันยายน 2549 นี้ พวกเราขอแสดงความยินดีด้วย ครับผม

นโยบายเร่งด่วนของกศน.ปี51ซึ่งปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

นโยบายเร่งด่วนของกศน.ปี51ซึ่งปลัดกระทรวงศธ.มอบให้
โดย บุญโชค พลดาหาญ



ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้นโยบายเร่งด่วนปี 2551 แก่กศน. ที่จะต้องร่วมกันเร่งดำเนินการ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม 2550 ณ โรงแรมรามาการ์เดน กรุงเทพมหานคร ดังนี้


(1) เร่ง พรบ. การส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อใช้เป็นแม่บทในการบริหารจัดการ

(2)จัดทำแผนและยุทธศาสตร์ใหม่เชิงรุกและทันสมัย ค้นหาลูกค้า

(3) สร้างรูปแบบและกระบวนการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม

(4) สร้างความเข้มแข็งให้ภาคีเครือข่ายเข้ามาร่วมจัดการศึกษาตลอดชีวิต โดย กศน. ควรจัดเองร้อยละ 60 สนับสนุนเครือข่ายจัดร้อยละ 40 ??????

(5) การสร้างระบบประกันคุณภาพภายในเพื่อให้เกิดคุณภาพของการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย

(6) เร่งประชาสัมพันธ์และให้บริการเทียบโอนผลการเรียน เทียบความรู้และประสบการณ์ และเทียบระดับการศึกษา

(7) เร่งพัฒนาแหล่งเรียนรู้เช่นพิพิธภัณฑ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ห้องสมุดประชาชน และจัดทำคลังข้อมูลบนโลกอินเตอร์เน็ต ที่เข้ามาเรียน e-learning ทั้งในรูปเรียนฟรี/ เรียนแบบลงทะเบียนได้หน่วยกิต/ เรียนตามอัธยาศัย

(8) เน้นพัฒนาบุคลากรของ กศน. ให้รู้จักทำการตลาดและ การบริการลูกค้า

นำมาเสนอเพื่อกันลืม จะได้ร่วมด้วยช่วยกัน ในการดำเนินการให้เป็นไปตาม นโยบายเร่งด่วนดังกล่าว ...ครับผม

โจทย์ท้าทายผู้บริหารงานกศน.ที่ปลัดกระทรวงศธ.มอบให้

โจทย์ท้าทายผู้บริหารงานกศน. ที่ปลัดกระทรวงศธ.มอบให้
โดย บุญโชค พลดาหาญ


ดร.จรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้โจทย์แก่ผู้บริหารงานกศน.ทั่วประเทศ ช่วยกันแก้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม 2550 ณ โรงแรมรามาการ์เดน กรุงเทพมหานคร มี 13 ข้อ ดังนี้


1.สังคมส่วนใหญ่มองการศึกษานอกระบบเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่นิยมเรียน ผู้เรียนการศึกษาต่อเนื่องของมหาวิทยาลัยลดลง

2. สังคมมองผลผลิตของการศึกษานอกระบบยังไม่มีคุณภาพ


3.กลุ่มเป้าหมายการศึกษานอกระบบเป็นผู้ด้อยฐานะทางเศรษฐกิจ และย้ายถิ่นสูง ไม่สามารถเข้ารับบริการ ร่วมกิจกรรมได้ต่อเนื่อง


4.ความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของหน่วยงาน/ผู้จัดบริการ ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ไม่เท่ากัน


5. กระแสโลกาภิวัตน์และวัตถุนิยม ทำให้ข้อมูลไหลบ่าเข้าถึงประชาชนได้เร็วและหลากหลาย ทำให้ศีลธรรมเสื่อม การจัดการเรียนรู้ให้เป็นคนดีทำได้ยากขึ้น


6. คนทั่วไปไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย


7. การบริหารจัดการในระดับสำนักที่ไม่เป็นนิติบุคคลตามโครงสร้างปฏิรูประบบราชการ2546 ทำให้ฐานะหน่วยงานเป็นเพียงสำนักขนาดใหญ่ ตัดสินใจนิติกรรมไม่ได้ ไม่มีอธิบดี/เลขาธิการและรองฯช่วยจัดการ


8. ขาดกฎหมายรองรับการบริหาร ทำให้ขาดความขัดเจนในภารกิจขอบข่ายหน้าที่และอำนาจบังคับ


9. ยังติดยึดแนวคิดจัดการศึกษาเอง ยังไม่ส่งเสริมหน่วยอื่นเข้ามาร่วมทำ ขาดทักษะการจัดการในรูปเครือข่าย


10. ประเด็นต้องถ่ายโอนภารกิจไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างความกังวล


11.บุคลากรของกศน.ยังขาดทักษะและประสบการณ์ในการจัดการศึกษาให้สอดคล้องการพัฒนากำลังคนโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม วิสัยทัศน์ใหม่ของการการศึกษายุคเทคโนโลยีใหม่


12. ยังขาดการขับเคลื่อนอย่างใช้ยุทธศาสตร์และมีพลัง ให้การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยเป็นวาระแห่งชาติ


13.ผู้บริหารและทีมงานกศน.ต้องการการพัฒนาทักษะการบริหารและบริการลูกค้ายุคใหม่อย่างเป็นระบบต่อเนื่องและเป็นมืออาชีพ

นับว่าเป็นโจทย์ที่น่าสนใจและท้าทายผู้บริหารงานกศน.ทุกระดับ ที่จะต้องรีบรับไปแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา นำมาเสนอเพื่อย้ำเตือนผู้บริหารงานกศน.และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ ทุกคน ... เพื่อทำให้องค์กรกศน.ดำรงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีมีเหตุผล โดยยึดประชาชนเป็นสำคัญ เป็นหน่วยประสานงานและรับผิดชอบ "ผลักดันให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้" ผู้คนทั้งหลาย องค์กรทั้งหลาย ทั้งภาครัฐภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาร่วมจัดการศึกษา "ประชาชนมีหลักประกันในการได้รับบริการทางการศึกษาทั้งในระบบนอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย"

เชิญท่านทั้งหลายร่วมเสนอแนะและแสดงความคิดเห็น ...ครับผม

เชิญสถานประกอบการด้านอาชีพต่างๆร่วมสอนวิชาชีพให้กับประชาชน

เชิญสถานประกอบการด้านอาชีพต่างๆร่วมสอนวิชาชีพให้กับประชาชน
โดย บุญโชค พลดาหาญ



กศน.เลยมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และให้การเรียนรู้เป็นสิ่งใกล้ตัว เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่ทั่วไป ได้เรียนรู้จากของจริงลงมือปฏิบัติจริง เรียนในสิ่งที่ปฏิบัติได้ สามารถเอาไปประกอบอาชีพได้ เพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย


สถานประกอบการใดที่มั่นคง จัดตั้งมานาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์เป็นที่ยอมรับของสังคม กศน.เลยมุ่งระดมสรรพกำลังมาช่วยเหลือชาวบ้าน ในด้านการฝึกอาชีพให้แก่ราษฎร


กศน.พร้อมจะจ่ายค่าสอนและวัสดุให้ในอัตรา 700 บาทต่อผู้เรียน 1 คน สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่กศน.ทุกอำเภอ ของจังหวัดเลย... ครับผม

เรียนคอมที่กศน.ห้องแอร์ทุกอำเภอกว่า 600 เครื่อง


เรียนคอมที่กศน.ห้องแอร์ทุกอำเภอกว่า 600 เครื่อง
โดย บุญโชค พลดาหาญ


เดี๋ยวนี้เรียนคอมพิวเตอร์ง่ายนิดเดียว อบจ.เลยมีเอี่ยวกับกศน. ทุ่มงบกว่า 20 ล้าน จัดการให้มีห้องแอร์และเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทุกคนได้เรียนรู้ และเข้าสู่องค์ความรู้ทางอินเตอร์เน็ต ที่ห้องสมุดประชาชนทุกอำเภอ เรียบร้อยแล้ว

แจ๋วจริง ๆ กับสิ่งดี ๆ ความปรารถนาดีที่อบจ.เลย โดยการนำของท่านธนาวุฒิ ทิมสุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเลย พร้อมทีมงาน รองฯสิทธิชัย,รองฯชูศักดิ์ ,ท่านประธานสภา และสมาชิกสภาอบจ.ทุกท่าน

ขอเชิญชวนส่วนราชการ หน่วยงานทุกภาคส่วน พี่น้องประชาชนทั่วไป และในส่วนของอบจ. เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กำนันผู้ใหญ่บ้าน ได้ประสานสมัครเข้าเรียนได้ที่ กศน.ทุกอำเภอด่วนจี๋ ใช้คอมพิวเตอร์เหล่านี้ให้คุ้มค่า งบประมาณที่จัดซื้อจัดหามา ล้วนเป็นภาษีของพ่อแม่พี่น้องทุกคนทั้งนั้น ไม่ต้องหวั่นมันจะเพมันจะพังทางอบจ.รับรองจะซ่อมแซมแก้ไขให้ ขอให้พี่น้องได้รับประโยชน์ให้เต็มที่เป็นพอ


ขอบอกต่อ เดี๋ยวนี้ใครไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตถือว่าตกยุค ทุกสิ่งดี ๆ มีสาระทั่วฟ้าเมืองไทยและในนานาประเทศ เหตุการณ์ต่าง ๆ ข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งด้านบันเทิงทั้งหลาย มีอยู่ในคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตทั้งนั้น เรียนกันสนุก ลุกนั่งสบาย ในบรรยากาศกันเองในห้องแอร์เย็น ๆ เรียน ๆ เล่น ๆ แต่รับรองเห็นผลทันตา เรากล้ารับประกัน ประเมินผลแล้วผ่านจะมอบวุฒิบัตรในนามกระทรวงศึกษาธิการให้กับทุกท่าน นำไปใช้งานได้ทั่วไป ขอได้รับความปรารถนาดีจาก ทีงานอบจ.เลยและกศน.เลย ครับผม

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2550

มองแต่ดี...พระอาจารย์พุทธทาส

มองแต่ดี...พระอาจารย์พุทธทาส

"เขามีส่วนเลวบ้าง ช่างหัวเขา

จงเลือกเอาส่วนที่ดี เขามีอยู่

เป็นประโยชน์กับโลกบ้าง ยังน่าดู

ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ ของเขาเลย

จะหาคนมีดี โดยส่วนเดียว

อย่ามัวเที่ยวค้นหา สหายเอ๋ย

เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่า ตายเปล่าเอย

ฝึกให้เคยมองแต่ดี มีคุณจริง"


นี่เป็นคำสอนที่เป็นสัจจธรรม หากนำมาพิจารณานำมาใช้ เลือกมองเลือกใช้ประโยชน์ของแต่ละคนในส่วนที่ดีที่เขามี ย่อมนำความสงบสุข ความเจริญ มาสู่มวลมิตรพี่น้องทั่วหล้า ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธี ไม่เบียดเบียนกัน ร่วมกันสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ ซึ่งทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าไม่นานก็ต้องตายจากกัน คนจะอายุถึง 100 ปี นั้นมีน้อยมาก

อยากนำมาฝากให้พิจารณา...ครับผม

80 วิธีหยุดโลกร้อน

80 วิธีหยุดโลกร้อน

โดย บุญโชค พลดาหาญ

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดทำคู่มือ 80 วิธีหยุดโลกร้อนขึ้นมา เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงได้นำมาเผยแพร่ให้ทราบเพื่อนำไปปฏิบัติกันโดยทั่วไปอย่างกว้างขวางต่อไป ซึ่งจากรายงานฉบับล่าสุดของคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี (Intergovernment Panel on Climate Change : IPCC) ซึ่งเป็นรายงานที่รวบรวมงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ 2,500 คน จากกว่า 30 ประเทศ และใช้เวลาในการวิจัยถึง 6 ปี ระบุไว้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างน้อย 90% ที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ และมนุษย์ถือได้ว่าเป็นตัวการสำคัญของปัญหาโลกร้อนในครั้งนี้

ไม่ว่าใครก็สามารถช่วยลดความร้อนให้กับโลกได้ตั้ง 80 ช่องทาง ดังนี้

ประชาชนทั่วไป


1.ลดการใช้พลังงานในบ้านด้วยการปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ได้ใช้งาน จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับ 1 พันปอนด์ต่อปี


2.ลดการสูญเสียพลังงานในโหมดสแตนด์บาย เครื่องเสียงระบบไฮไฟ โทรทัศน์ เครื่องบันทึกวิดีโอ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและอุปกรณ์พ่วงต่างๆ ที่ติดมาด้วยการดึงปลั๊กออก หรือใช้ปลั๊กเสียบพ่วงที่ตัดไฟด้วยตัวเอง


3.เปลี่ยนหลอดไฟ เป็นหลอดไฟประหยัดพลังงานแบบขดที่เรียกว่า Compact Fluorescent Light bulb (CFL) เพราะจะกินไฟเพียง 1 ใน 4 ของหลอดไฟเดิม และมีอายุการใช้งานได้นานกว่าหลายปีมาก


4.เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบหลอด LED จะได้ไฟที่สว่างกว่าและประหยัดกว่าหลอดปกติ 40% สามารถหาซื้อหลอดไฟ LED ที่ใช้สำหรับโคมไฟตั้งโต๊ะและตั้งพื้นได้ด้วย จะเหมาะกับการใช้งานที่ต้องการให้มีแสงสว่างส่องทาง เช่น ริมถนนหน้าบ้าน การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้จะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 150 ปอนด์ต่อปี


5.ช่วยกันออกความเห็นหรือรณรงค์ให้รัฐบาลพิจารณาข้อดีข้อเสียของการเรียกเก็บภาษีคาร์บอนกับภาคการผลิต ตามอัตราการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลรูปแบบต่างๆ หรือการใช้ก๊าซโซลีน เป็นรูปแบบการใช้ภาษีทางตรงที่เชื่อว่า หากโรงงานต้องจ่ายค่าภาษีแพงขึ้นก็จะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในกระบวนการผลิตลง ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อย CO2 ลงได้ประมาณ 5%


6.ขับรถยนต์ส่วนตัวให้น้อยลง ด้วยการปั่นจักรยาน ใช้รถโดยสารประจำทาง หรือใช้การเดินแทนเมื่อต้องไปทำกิจกรรมหรือธุระใกล้ๆ บ้าน เพราะการขับรถยนต์น้อยลง หมายถึงการใช้น้ำมันลดลง และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย เพราะน้ำมันทุกๆ แกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 20 ปอนด์


7.ไปร่วมกันประหยัดน้ำมันแบบ Car Pool นัดเพื่อนร่วมงานที่มีบ้านอาศัยใกล้ๆ นั่งรถยนต์ไปทำงานด้วยกัน ช่วยประหยัดน้ำมัน และยังเป็นการลดจำนวนรถติดบนถนน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ทางอ้อมด้วย


8.จัดเส้นทางรถรับส่งพนักงาน ถ้าในหน่วยงานมีพนักงานจำนวนมากอาศัยอยู่ในเส้นทางใกล้ๆ กัน ควรมีสวัสดิการจัดหารถรับส่งพนักงานตามเส้นทางสำคัญๆ เป็น Car Pool ระดับองค์กร


9.เปิดหน้าต่างรับลมแทนเปิดเครื่องปรับอากาศ ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้ไฟฟ้าเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ


10.มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น ป้ายฉลากเขียว ประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพสินค้าเกษตรอินทรีย์ เพราะการจะได้ใบรับรองนั้น จะต้องมีการประเมินสินค้าตั้งแต่เริ่มต้นหาวัตถุดิบ


11.ไปตลาดสดแทนซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ซื้อผัก ผลไม้ หมู ไก่ ปลา ในตลาดสดใกล้บ้าน แทนการช็อปปิ้งในซูเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ที่อาหารสดทุกอย่างมีการ***บห่อด้วยพลาสติกและโฟม ทำให้เกิดขยะจำนวนมาก


12.เลือกซื้อเลือกใช้ เมื่อต้องซื้อรถยนต์ใช้ในบ้าน หรือรถยนต์ประจำสำนักงานก็หันมาเลือกซื้อรถประหยัดพลังงาน รวมทั้งเลือกอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟ ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน


13.เลือกซื้อรถยนต์ที่มีขนาดตามความจำเป็น โดยพิจารณาจากขนาดครอบครัวและประโยชน์การใช้งาน รวมทั้งพิจารณารุ่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อเปรียบเทียบราคา


14.ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเลือกรถโฟว์วีลขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ เพราะกินน้ำมันมาก และตะแกรงขนสัมภาระบนหลังคารถก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะเป็นการเพิ่มน้ำหนักรถให้เปลืองน้ำมัน


15.ขับรถอย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะทางไกลการขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์แต่ละคันที่ใช้งานราว 3 หมื่นกิโลเมตรต่อปี


16.ขับรถเที่ยวไปลดคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมกัน เพราะมีบริษัทเช่ารถใหญ่ๆ 2-3 รายมีรถรุ่นเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่ใช้เอทานอล หรือน้ำมันเชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ ด้วย ลองสอบถามบริษัทรถเช่าเมื่อเดินทางไปถึง


17.เลือกใช้บริการโรงแรมที่มีสัญลักษณ์สิ่งแวดล้อม เช่น มีมาตรการประหยัดน้ำ ประหยัดพลังงาน และมีระบบจัดการของเสีย มองหาป้ายสัญลักษณ์ เช่น โรงแรมใบไม้สีเขียว มาตรฐานผลิตภัณฑ์คุณภาพ


18 เช็กลมยาง การขับรถที่ยางลมมีน้อยอาจทำให้เปลืองน้ำมันได้ถึง 3% จากภาวะปกติ


19.เปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล ให้มากขึ้น


20 โละทิ้งตู้เย็นรุ่นเก่า ตู้เย็นที่ผลิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เพราะใช้ไฟฟ้ามากเป็น 2 เท่าของตู้เย็นสมัยใหม่ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟลงได้มาก และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 100 กิโลกรัมต่อปี


21.ยืดอายุตู้เย็นด้วยการใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดพลังงานให้ตู้เย็นด้วยการใช้อย่างฉลาด ไม่นำอาหารร้อนเข้าตู้เย็น หลีกเลี่ยงการนำถุงพลาสติกใส่ของในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นจ่ายความเย็นได้ไม่ทั่วถึงอาหาร ควรย้ายตู้เย็นออกจากห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ละลายน้ำแข็งที่เกาะในตู้เย็นเป็นประจำ เพราะตู้เย็นจะกินไฟมากขึ้นเมื่อมีน้ำแข็งเกาะ และทำความสะอาดตู้เย็นทุกสัปดาห์


22.ริเริ่มใช้พลังงานทางเลือกในอาคารสำนักงาน เช่น ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าเฉพาะจุด


23.ใช้แสงแดดให้เป็นประโยชน์ ในการตากเสื้อผ้าที่ซักแล้วให้แห้ง ไม่ควรใช้เครื่องปั่นผ้าแห้งหากไม่จำเป็น เพื่อประหยัดการใช้ไฟฟ้า


24.ใช้น้ำประปาอย่างประหยัด เพราะระบบการผลิตน้ำประปาของเทศบาลต่างๆ ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการทำให้น้ำสะอาด และดำเนินการจัดส่งไปยังอาคารบ้านเรือน


25.ติดตั้งฝักบัวอาบน้ำที่ปรับความแรงน้ำต่ำๆ ได้ เพื่อจะได้เปลืองน้ำอุ่นน้อยๆ (เหมาะทั้งในบ้านและโรงแรม)


26.ติดตั้งเครื่องตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าและลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากโรงผลิตกระแสไฟฟ้า


27.สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดพลังงานในการกำจัดขยะ ลดมลพิษและลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด


28.ป้องกันการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ ด้วยการแยกขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก เศษอาหาร ออกจากขยะอื่นๆ ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์


29.ทาหลังคาบ้านด้วยสีอ่อน เพื่อช่วยลดการดูดซับความร้อน


30.นำแสงธรรมชาติมาใช้ในอาคารบ้านเรือน โดยใช้การออกแบบบ้าน และตำแหน่งของช่องแสงเป็นปัจจัย ซึ่งจะช่วยลดจำนวนหลอดไฟและพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้


31.ปลูกต้นไม้ในสวนหน้าบ้าน ต้นไม้ 1 ต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน


32.ปลูกไผ่แทนรั้ว ต้นไผ่เติบโตเร็ว เป็นรั้วธรรมชาติที่สวยงาม และยังดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี


33.ใช้ร่มเงาจากต้นไม้ช่วยลดความร้อนในตัวอาคารสำนักงานหรือบ้านพักอาศัย ทำให้สามารถลดความต้องการใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นการลดการใช้ไฟฟ้า


34.ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีในสวนไม้ประดับที่บ้าน แต่ขอให้เลือกใช้ปุ๋ยหมักจากธรรมชาติแทน


35.ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติก เพราะถุงพลาสติกไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และการเผากำจัดในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธีต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ


36.เลือกซื้อสินค้าที่มี***บห่อน้อยๆ ***บห่อหลายชั้นหมายถึงการเพิ่มขยะอีกหลายชิ้นที่จะต้องนำไปกำจัด เป็นการเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโดยไม่จำเป็น


37.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเติมใหม่ได้ เพื่อเป็นการลดขยะจาก***บห่อของบรรจุภัณฑ์


38.ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า เพราะกระบวนการผลิตกระดาษแทบทุกขั้นตอนใช้พลังงานจากน้ำมันและไฟฟ้าจำนวนมาก


39.เลือกใช้กระดาษรีไซเคิล กระดาษรีไซเคิลช่วยลดขั้นตอนหลายขั้นตอนในกระบวนการผลิตกระดาษ


40.ตั้งเป้าลดการผลิตขยะของตัวเองให้ได้ 1 ใน 4 ส่วน หรือมากกว่า เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรและลดก๊าซเรือนกระจกได้อีกจำนวนมาก เมื่อลองคูณ 365 วัน กับจำนวนปีที่เหลือก่อนเกษียณ


41.สนับสนุนสินค้าและผลิตผลจากเกษตรกรในท้องถิ่นใกล้บ้าน ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่ต้องขนส่งผลิตผลให้พ่อค้าคนกลางนำไปขายในพื้นที่ไกลๆ


42.บริโภคเนื้อวัวให้น้อยลง ทานผัก (ปลอดสารพิษ) ให้มากขึ้น ฟาร์มเลี้ยงวัว คือ แหล่งหลักในการปลดปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ หันมารับประทานผักให้มากขึ้น ทานเนื้อวัวให้น้อยลง


43.ทานสเต๊กและแฮมเบอร์เกอร์ในร้านใหญ่ๆ ให้น้อยลง เพราะอุตสาหกรรมเนื้อระดับนานาชาติ ผลิตก๊าซเรือนกระจกถึง 18% สาเหตุหลักก็คือไนตรัสออกไซด์จากมูลวัวและมีเทน ซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากลักษณะทางธรรมชาติของวัวที่ย่อยอาหารได้ช้า (มีกระเพาะอาหาร 4 ตอน) มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า ในขณะที่ไนตรัสออกไซด์ก่อผลได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ 296 เท่า


44.ชักชวนคนอื่นๆ รอบข้างให้ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาภาวะโลกร้อน ให้ความรู้ความเข้าใจและชักชวนคนใกล้ตัว รวมทั้งเพื่อนบ้านรอบๆ ตัวคุณ เพื่อขยายเครือข่ายผู้ร่วมหยุดโลกร้อนให้กว้างขวางขึ้น


45.ร่วมกิจกรรมรณรงค์สิ่งแวดล้อมในชุมชน แล้วลองเสนอกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการร่วมมือ เพื่อลงมือทำกิจกรรมสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง และส่งผลให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


46.เลือกโหวตแต่พรรคการเมืองที่มีนโยบายสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จริงใจ และตั้งใจทำจริง เพราะนักการเมืองคือคนที่เราส่งไปเป็นตัวแทนทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โปรดใช้ประโยชน์จากพวกเขาตามสิทธิที่คุณมี ด้วยการเลือกนักการเมืองจากพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนเรื่องสิ่งแวดล้อมและการลดปัญหาโลกร้อน


47.ซื้อให้น้อยลง แบ่งปันให้มากขึ้น อยู่อย่างพอเพียง

เกษตรกร ชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา ก็สามารถช่วยได้ด้วยการ


48.ลดการเผาป่าหญ้า ไม้ริมทุ่ง และต้นไม้ชายป่า เพื่อกำจัดวัชพืชและเปิดพื้นที่ทำการเกษตร เพราะเป็นการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศจำนวนมาก นอกจากนั้นการตัดและเผาทำลายป่ายังเป็นการทำลายแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญ


49.ปลูกพืชผักให้หลากหลายและปลูกตามฤดูกาลในท้องถิ่น เป็นการลดการปลูกพืชผักนอกฤดูกาลที่ต้องใช้พลังงานเพื่อถนอมอาหาร และผ่านกระบวนการบรรจุเป็นอาหารกระป๋อง


50.รวมกลุ่มสร้างตลาดผู้บริโภค-ผู้ผลิตโดยตรงในท้องถิ่น เพื่อลดกระบวนการขนส่งผ่านพ่อค้าคนกลาง ที่ต้องใช้พลังงานและน้ำมันในการคมนาคมขนส่งพืชผักผลไม้ไปยังตลาด


51.ลดการใช้สารเคมีในการเกษตร นอกจากจะเป็นการลดปัญหาการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศโลกแล้ว ในระยะยาวยังเป็นการลดต้นทุนการผลิต และทำให้คุณภาพชีวิตของเกษตรกรดีขึ้น โปรดปรึกษาและเรียนรู้จากกลุ่มเกษตรกรทางเลือกที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย


สถาปนิกและนักออกแบบ


52.ออกแบบพิมพ์เขียวบ้านพักอาศัยที่สามารถช่วย “หยุดโลกร้อน” การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยคิดถึงการติดตั้งระบบการใช้พลังงานที่ง่าย ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสูงๆ แต่ใช้งานได้จริง ลองคิดถึงวิธีการที่คนรุ่นปู่ย่าใช้ในการสร้างบ้านสมัยก่อน ซึ่งมีการพึ่งพาทิศทางลม การดูทิศทางการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องพลังงานในบ้านได้ถึง 40%


53.ช่วยออกแบบสร้างบ้านหลังเล็ก บ้านหลังเล็กใช้พลังงานน้อยกว่าบ้านหลังใหญ่ และใช้วัสดุอุปกรณ์การก่อสร้างน้อยกว่า


สื่อมวลชน นักสื่อสารและโฆษณา


54.ใช้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเพื่อให้ความรู้ และสร้างความตระหนักกับสาธารณชนเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน และทำให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นของท้องถิ่น


55.สร้างความสนใจกับสาธารณชน เพื่อทำให้ประเด็นโลกร้อนอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง


56.ช่วยกันเล่าความจริงเรื่องโลกร้อน โปรดช่วยกันสื่อสารให้ประชาชนและรัฐบาลเข้าใจสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น


57.เป็นผู้นำกระแสของสังคมเรื่องชีวิตที่พอเพียง ต้นตอหนึ่งของปัญหาโลกร้อนก็คือกระแสการบริโภคของผู้คน ทำให้เกิดการบริโภคทรัพยากรจำนวนมหาศาล ชีวิตที่ยึดหลักของความพอเพียง โดยมีฐานของความรู้และคุณธรรมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงน่าจะเป็นหนทางป้องกันและลดปัญหาโลกร้อนที่สังคมโลกกำลังเผชิญหน้าอยู่


58.ใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อร่วมรับผิดชอบสังคม ออกแบบงานโฆษณาที่สอดแทรกประเด็นปัญหาของภาวะโลกร้อนอย่างมีรสนิยม เรื่องที่เป็นจริงและไม่โกหก


ครู อาจารย์


59.สอนเด็กๆ ในชั้นเรียน เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน


60.ใช้เทคนิคการเรียนรู้หลากหลายจากกิจกรรม ดีกว่าสอนโดยให้เด็กฟังครูพูดและท่องจำอย่างเดียว


นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และวิศวกร


61ค้นคว้าวิจัยหาแนวทางและเทคโนโลยีใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์


62.ศึกษาและทำวิจัยในระดับพื้นที่ เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของภาวะโลกร้อนต่อพื้นที่เสี่ยงของประเทศไทย


63.ประสานและทำงานร่วมกับนักสื่อสารและโฆษณา เพื่อแปลงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไปสู่การรับรู้และเข้าใจของประชาชนในสังคมวงกว้าง


นักธุรกิจ อุตสาหกรรมและบริการ


64.นำก๊าซมีเทนจากกองขยะมาใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ด้วยการลงทุนพัฒนาให้เป็นพลังงานทดแทนที่มีประสิทธิภาพ แต่มีต้นทุนต่ำ


65.สนับสนุนนักวิจัยในองค์กร ค้นคว้าผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีประสิทธิภาพในการลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล


66.เป็นผู้นำของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม หากยังไม่มีใครเริ่มต้นโครงการที่ช่วยหยุดปัญหาโลกร้อนอย่างจริงจัง ก็จงเป็นผู้นำเสียเอง


67.สร้างแบรนด์องค์กรที่เน้นการดูแลและใส่ใจโลก ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ภายนอก แต่เป็นการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความรับผิดชอบที่มาจากภายในองค์กร


นักการเมือง ผู้ว่าราชการฯ และรัฐบาล


68.วางแผนการจัดหาพลังงานในอนาคต รัฐจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ทางเลือกเพื่อมุ่งจัดการแก้ไขปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อม ที่มองไปข้างหน้าอย่างน้อยที่สุด 50 ปี


69.สนับสนุนให้มีการพัฒนาการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งการสนับสนุนงบประมาณในการวิจัย และการพัฒนาระบบให้มีต้นทุนต่ำและคุ้มค่าในการใช้งาน


70.สนับสนุนกลไกต่างๆ สำหรับพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการปรับปรุงเทคโนโลยีและการลดต้นทุน


71.สนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน รัฐบาลควรหามาตรการที่ชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เพื่อให้สามารถแข่งขันกับอุตสาหกรรมพลังงานอื่นๆ ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ที่เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ


72.มีนโยบายทางการเมืองที่ชัดเจนในการสนับสนุนการ “หยุดภาวะโลกร้อน” เสนอต่อประชาชน


73.สนับสนุนโครงสร้างทางกายภาพ เมื่อประชาชนตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น จัดการให้มีโครงข่ายทางจักรยานที่ปลอดภัยให้กับประชาชนในเมืองสามารถขับขี่จักรยาน ลดการใช้รถยนต์


74.ลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนถนนในกรุงเทพมหานครอย่างจริงจัง ด้วยการสนับสนุนระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ


75.ส่งเสริมเครือข่ายการตลาดให้กับกลุ่มเกษตรกรทางเลือก เกษตรกรจำนวนมากเป็นตัวอย่างที่ดีของการลดปัญหาโลกร้อน ด้วยการลดและเลิกการใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดการปลดปล่อยไนตรัสออกไซด์สู่บรรยากาศโลก ซึ่งการส่งเสริมการตลาดสีเขียวด้วยการสร้างเครือข่ายการตลาดที่กระจายศูนย์ไปสู่กลุ่มจังหวัดหรือภูมิภาค จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการขนส่งผลผลิตไปยังตลาดไกลๆ อีกด้วย


76.ริเริ่มอย่างกล้าหาญกับระบบพลังงานแบบกระจายศูนย์ เพื่อลงทุนกับทางเลือกและทางรอดในระยะยาว


77.พิจารณาใช้กฎหมายการเก็บภาษีเป็นเครื่องมือในการควบคุมปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) สำหรับภาคอุตสาหกรรม


78.เปลี่ยนแปลงระบบการจัดเก็บภาษี นั่นคือการสร้างระบบการจัดเก็บภาษีที่สามารถสะท้อนให้เห็นต้นทุนทางอ้อมจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจตัวใดตัวหนึ่ง ซึ่งทำให้สังคมต้องแบกรับภาระนั้นอย่างชัดเจน เช่น ภาษีที่เรียกเก็บจากถ่านหิน ก็จะต้องรวมถึงต้นทุนในการดูแลรักษาสุขภาพที่จะต้องเพิ่มขึ้นจากปัญหามลพิษ และต้นทุนความเสียหายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป


79.ปฏิรูปภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นก้าวต่อไปที่ท้าทายของนักการเมืองและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างใหญ่หลวงในการปรับเปลี่ยนและสร้างจิตสำนึกใหม่ให้สังคม การเพิ่มการจัดเก็บภาษีสำหรับกิจกรรมที่มีผลทำลายสภาพแวดล้อมให้สูงขึ้นเป็นการชดเชย เช่น กิจกรรมที่มีการปล่อยคาร์บอน ภาษีจากกองขยะ ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ หลายประเทศโดยเฉพาะในยุโรปตะวันตกนำแนวคิดนี้ไปใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ปัจจุบันนี้ประเทศใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรปก็ร่วมดำเนินการด้วย และพบว่าการปรับเปลี่ยนระบบการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ไม่มีผลต่อการปรับเปลี่ยนระดับการจัดเก็บภาษี หากแต่มีผลกับโครงสร้างของระบบภาษีเท่านั้น


80.กำหนดทิศทางประเทศให้มุ่งสู่แนวทางของการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียง ที่สามารถยืนหยัดอยู่รอดอย่างเข้มแข็งในสังคมโลก เริ่มต้นด้วยการใส่ประโยคที่ว่า ประเทศไทยจะต้องยึดหลักเศรษฐกิจตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแกนหลักของการพัฒนาประเทศไว้ในรัฐธรรมนูญได้หรือไม่


อย่ามัวแต่ให้คนดังๆ รณรงค์โดยที่เราไม่ยอมทำอะไร เพราะทุกคนมีส่วนและมีสิทธิในการช่วยเหลือโลกนี้ได้เท่าๆ กัน...ครับผม

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2550

108 วิธีประหยัดพลังงาน

108 วิธีประหยัดพลังงาน
โดย บุญโชค พลดาหาญ

สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้จัดทำหนังสือ 108 วิธีการประหยัดพลังงาน ขึ้นเผยแพร่ กระผมเห็นว่าคนไทยทุกคนสามารถที่จะนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ได้โดยไม่ยากลำบากอะไร นำไปปฏิบัติให้เป็นนิสัย โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แล้วทำต่อๆ ไป ทุกๆ วัน และแนะนำให้คนอื่นได้ร่วมประหยัดพลังงานด้วย ซึ่งมี 108 วิธีดังนี้

วิธีประหยัดน้ำมัน

1. ตรวจตราลมยางเป็นประจำ เพราะยางที่อ่อนเกินไปนั้น ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่ายางที่มีปริมาณลมยางตามที่มาตรฐานกำหนด

2. สับเปลี่ยนยาง ตรวจตั้งศูนย์ล้อตามกำหนด จะช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกมาก

3. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนานๆ แค่จอดรถติดเครื่องทิ้งไว้ 10 นาที ก็เสียน้ำมันฟรีๆ 200 ซีซี

4. ไม่ควรติดเครื่องทิ้งไว้เมื่อจอดรถ ให้ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่ขึ้นของ ลงของ หรือคอยคน เพราะการติดเครื่องทิ้งไว้ เปลืองน้ำมันและสร้างมลพิษอีกด้วย

5. ไม่ออกรถกระชากดังเอี๊ยด การออกรถกระชาก 10 ครั้ง สูญเสียน้ำมันไปเปล่าๆ ถึง 100 ซีซี น้ำมันจำนวนนี้รถสามารถวิ่งได้ไกล700 เมตร

6. ไม่เร่งเครื่องยนต์ตอนเกียร์ว่างอย่างที่เราเรียกกันติดปากว่าเบิ้ลเครื่องยนต์ การกระทำดังกล่าว 10 ครั้ง สูญเสียน้ำมันถึง 50 ซีซี ปริมาณน้ำมันขนาดนี้รถวิ่งไปได้ตั้ง 350 เมตร

7. ตรวจตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์สม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดระบบไฟจุดระเบิด เปลี่ยนหัวคอนเดนเซอร์ ตั้งไฟแก่อ่อนให้พอดี จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10%

8. ไม่ต้องอุ่นเครื่อง หากออกรถและขับช้าๆ สัก 1-2 กม. แรกเครื่องยนต์จะอุ่นเอง ไม่ต้องเปลืองน้ำมันไปกับการอุ่นเครื่อง

9. ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด เพราะเครื่องยนต์จะทำงานตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หากบรรทุกหนักมาก จะทำให้เปลืองน้ำมันและสึกหรอสูง

10. ใช้ระบบการใช้รถร่วมกัน หรือคาร์พูล (Car pool) ไปไหนมาไหน ที่หมายเดียวกัน ทางผ่านหรือใกล้เคียงกัน ควรใช้รถคันเดียวกัน

11. เดินทางเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อประหยัดน้ำมัน บางครั้งเรื่องบางเรื่องอาจจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็ได้ ประหยัดน้ำมันประหยัดเวลา

12. ไปซื้อของหรือไปธุระใกล้บ้านหรือใกล้ๆ ที่ทำงาน อาจจะเดินหรือใช้จักรยานบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ทุกครั้ง เป็นการออกกำลังกายและประหยัดน้ำมันด้วย

13. ก่อนไปพบใคร ควรโทรศัพท์ไปถามก่อนว่าเขาอยู่หรือไม่ จะได้ไม่เสียเที่ยว ไม่เสียเวลา ไม่เสียน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์

14. สอบถามเส้นทางที่จะไปให้แน่ชัด หรือศึกษาแผนที่ให้ดีจะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองน้ำมันในการวนหา

15. ควรใช้โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ อินเตอร์เน็ท หรือใช้บริการส่งเอกสาร แทนการเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อประหยัดน้ำมัน

16. ไม่ควรเดินทางโดยไม่ได้วางแผนการเดินทาง ควรกำหนดเส้นทาง และช่วงเวลาการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน

17. หมั่นศึกษาเส้นทางลัดเข้าไว้ ช่วยให้ไม่ต้องเดินทางยาวนานไม่ต้องเผชิญปัญหาจราจร ช่วยประหยัดทั้งเวลาและประหยัดน้ำมัน

18. ควรบับรถด้วยความเร็วคงที่ เลือกขับที่ความเร็ว 70-80กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 2,000-2,500 รอบเครื่องยนต์ ความเร็วระดับนี้ ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า

19. ไม่ควรขับรถลากเกียร์ เพราการลากเกียร์ต่ำนานๆ จะทำให้เครื่องยนต์หมุนรอบสูงกินน้ำมันมาก และเครื่องยนต์ร้อนจัดสึกหรอง่าย

20. ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นเช่น การทำให้เกิดการต้านลมขณะวิ่ง หรือทำให้เครื่องยนต์ ไม่สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี

21. ไม่ควรใช้น้ำมันเบนซินที่ออกเทนสูงเกินความจำเป็นของเครื่องยนต์ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

22. หมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดน้ำมัน

23. สำหรับเครื่องยนต์แบบเบนซิน ควรเลือกเติมน้ำมันเบนซินให้ถูกชนิด ถูกประเภท โดยเลือกตามค่าออกเทนที่เหมาะสมกับรถแต่ละยี่ห้อ (สังเกตจากฝาปิดถังน้ำมันด้านใน หรือรับคู่มือที่ปั้มน้ำมันใกล้บ้าน

24. ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ยามเช้าๆเปิดกระจกรับความเย็นจากลมธรรมชาติบ้างก็สดชื่นดี ประหยัดน้ำมันได้ด้วย

25. ไม่ควรเร่งเครื่องปรับอากาศในรถอย่างเต็มที่จนเกินความจำเป็นไม่เปิดแอร์แรงๆ จนรู้สึกหนาวเกินไป เพราะสิ้นเปลืองพลังงาน

วิธีประหยัดไฟฟ้า

26. ปิดสวิตช์ไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อเลิกใช้งาน สร้างให้เป็นนิสัยในการดับไฟทุกครั้งที่ออกจากห้อง

27. เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน ดูฉลากแสดงประสิทธิภาพให้แน่ใจทุกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ หากมีอุปกรณ์ไฟฟ้าเบอร์ 5 ต้องเลือกใช้เบอร์ 5

28. ปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งที่จะไม่อยู่ในห้องเกิน 1 ชั่วโมงสำหรับเครื่องปรับอากาศทั่วไป และ 30 นาที สำหรับเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5

29. หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศบ่อยๆ เพื่อลดการเปลืองไฟในการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

30. ตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่กำลังสบาย อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศา ต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 5-10

31. ไม่ควรปล่อยให้มีความเย็นรั่วไหลจากห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ตรวจสอบและอุดรอยรั่วตามผนัง ฝ้าเพดาน ประตูช่องแสง และปิดประตูห้องทุกครั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศ

32. ลดและหลีกเลี่ยงการเก็บเอกสาร หรือวัสดุอื่นใดที่ไม่จำเป็นต้องใช้งานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย และใช้พลังงานในการปรับอากาศภายในอาคาร

33. ติดตั้งฉนวนกันความร้อนโดยรอบห้องที่มีการปรับอากาศเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากการถ่ายเทความร้อนเข้าภายในอาคาร

34. ใช้มูลี่กันสาดป้องกันแสงแดดส่องกระทบตัวอาคาร และบุฉนวนกันความร้อนตามหลังคาและฝาผนังเพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักเกินไป

35. หลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังงานจากการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ห้องปรับอากาศ ติดตั้งและใช้อุปกรณ์ควบคุมการเปิด-ปิดประตูในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ

36. ควรปลูกต้นไม้รอบๆ อาคาร เพราะต้นไม้ขนาดใหญ่ 1 ต้นให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน หรือให้ความเย็นประมาณ 12,000 บีทียู

37. ควรปลูกต้นไม้เพื่อช่วยบังแดดข้างบ้านหรือเหนือหลังคา เพื่อเครื่องปรับอากาศจะไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

38. ปลูกพืชคลุมดิน เพื่อช่วยลดความร้อนและเพิ่มความชื้นให้กับดิน จะทำให้บ้านเย็น ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจนเกินไป

39. ในสำนักงาน ให้ปิดไฟ ปิดเครื่องปรับอากาศ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ในช่วงเวลา 12.00-13.00 น. จะสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้

40. ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเวลาเริ่มงาน และควรปิดเครื่องปรับอากาศก่อนเวลาเลิกใช้งานเล็กน้อย เพื่อประหยัดไฟ

41. เลือกซื้อพัดลมที่มีเครื่องหมายมาตรฐานรับรอง เพราะพัดลมที่ไม่ได้คุณภาพ มักเสียง่าย ทำให้สิ้นเปลือง

42. หากอากาศไม่ร้อนเกินไป ควรเปิดพัดลมแทนเครื่องปรับอากาศ จะช่วยประหยัดไฟ ประหยัดเงินได้มากทีเดียว

43. ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน ใช้หลอดผอมจอมประหยัดแทนหลอดอ้วน ใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ หรือใช้หลอดคอมแพคท์ฟลูออเรสเซนต์

44. ควรใช้บัลลาสต์ประหยัดไฟ หรือบัลลาสต์อิเล็กโทรนิกคู่กับหลอดผอมจอมประหยัด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดไฟได้อีกมาก

45. ควรใช้โคมไฟแบบมีแผ่นสะท้อนแสงในห้องต่างๆ เพื่อช่วยให้แสงสว่างจากหลอดไฟ กระจายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้หลอดไฟฟ้าวัตต์สูง ช่วยประหยัดพลังงาน

46. หมั่นทำความสะอาดหลอดไฟที่บ้าน เพราะจะช่วยเพิ่มแสงสว่างโดยไม่ต้องใช้พลังงานมากขึ้น ควรทำอย่างน้อย 4 ครั้งต่อปี

47. ใช้หลอดไฟที่มีวัตต์ต่ำ สำหรับบริเวณที่จำเป็นต้องเปิดทิ้งไว้ทั้งคืน ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือข้างนอก เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า

48. ควรตั้งโคมไฟที่โต๊ะทำงาน หรือติดตั้งไฟเฉพาะจุด แทนการเปิดไฟทั้งห้องเพื่อทำงาน จะประหยัดไฟลงไปได้มาก

49. ควรใช้สีอ่อนตกแต่งอาคาร ทาผนังนอกอาคารเพื่อการสะท้อนแสงที่ดี และทาภายในอาคารเพื่อทำให้ห้องสว่างได้มากกว่า

50. ใช้แสงสว่างจากธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น ติดตั้งกระจกหรือติดฟิล์มที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อน แต่ยอมให้แสงผ่านเข้าได้เพื่อลดการใช้พลังงานเพื่อแสงสว่างภายในอาคาร

51. ถอดหลอดไฟออกครึ่งหนึ่งในบริเวณที่มีความต้องการใช้แสงสว่างน้อย หรือบริเวณที่มีแสงสว่างพอเพียงแล้ว

52. ปิดตู้เย็นให้สนิท ทำความสะอาดภายในตู้เย็น และแผ่นระบายความร้อนหลังตู้เย็นสม่ำเสมอ เพื่อให้ตู้เย็นไม่ต้องทำงานหนักและเปลืองไฟ

53. อย่าเปิดตู้เย็นบ่อย อย่านำของร้อนเข้าแช่ในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานเพิ่มขึ้น กินไฟมากขึ้น

54. ตรวจสอบขอบยางประตูของตู้เย็นไม่ให้เสื่อมสภาพ เพราะจะทำให้ความเย็นรั่วออกมาได้ ทำให้สิ้นเปลืองไฟมากกว่าที่จำเป็น

55. เลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว อย่าใช้ตู้เย็นใหญ่เกินความจำเป็นเพราะกินไฟมากเกินไป และควรตั้งตู้เย็นไว้ห่างจากผนังบ้าน 15 ซม.

56. ควรละลายน้ำแข็งในตู้เย็นสม่ำเสมอ การปล่อยให้น้ำแข็งจับหนาเกินไป จะทำให้เครื่องต้องทำงานหนัก ทำให้กินไฟมาก

57. เลือกซื้อตู้เย็นประตูเดียว เนื่องจากตู้เย็น 2 ประตู จะกินไฟมากกว่าตู้เย็นประตูเดียวที่มีขนาดเท่ากัน เพราะต้องใช้ท่อน้ำยาทำความเย็นที่ยาวกว่า และใช้คอมเพรสเซอร์ขนาดใหญ่กว่า

58. ควรตั้งสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิของตู้เย็นให้เหมาะสม การตั้งที่ตัวเลขต่ำเกินไป อุณหภูมิจะเย็นน้อย ถ้าตั้งที่ตัวเลขสูงเกินไปจะเย็นมากเพื่อให้ประหยัดพลังงานควรตั้งที่เลขต่ำที่มีอุณหภูมิพอเหมาะ

59. ไม่ควรพรมน้ำจนแฉะเวลารีดผ้า เพราะต้องใช้ความร้อนในการรีดมากขึ้น เสียพลังงานมากขึ้น เสียค่าไฟเพิ่มขึ้น

60. ดึงปลั๊กออกก่อนการรีดเสื้อผ้าเสร็จ เพราะความร้อนที่เหลือในเตารีด ยังสามารถรีดต่อได้จนกระทั่งเสร็จ ช่วยประหยัดไฟฟ้า

61. เสียบปลั๊กครั้งเดียว ต้องรีดเสื้อให้เสร็จ ไม่ควรเสียบและถอดปลั๊กเตารีดบ่อยๆ เพราะการทำให้เตารีดร้อนแต่ละครั้งกินไฟมาก

62. ลด ละ เลี่ยง การใส่เสื้อสูท เพราะไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อน สิ้นเปลืองการตัด ซัก รีด และความจำเป็นในการเปิดเครื่องปรับอากาศ

63. ซักผ้าด้วยเครื่อง ควรใส่ผ้าให้เต็มกำลังของเครื่อง เพราะซัก1 ตัวกับซัก 20 ตัว ก็ต้องใช้น้ำในปริมาณเท่าๆ กัน

64. ไม่ควรอบผ้าด้วยเครื่อง เมื่อใช้เครื่องซักผ้า เพราะเปลืองไฟมาก ควรตากเสื้อผ้ากับแสงแดดหรือแสงธรรมชาติจะดีกว่า ทั้งยังช่วยประหยัดไฟได้มากกว่า

65. ปิดโทรทัศน์ทันทีเมื่อไม่มีคนดู เพราะการเปิดทิ้งไว้โดยไม่มีคนดู เป็นการสิ้นเปลืองไฟฟ้าโดยใช่เหตุ แถมยังต้องซ่อมเร็วอีกด้วย

66. ไม่ควรปรับจอโทรทัศน์ให้สว่างเกินไป และอย่าเปิดโทรทัศน์ให้เสียงดังเกินความจำเป็น เพราเปลืองไฟ ทำให้อายุเครื่องสั้นลงด้วย

67. อยู่บ้านเดียวกัน ดูโทรทัศน์รายการเดียวกัน ก็ควรจะดูเครื่องเดียวกัน ไม่ใช่ดูคนละเครื่อง คนละห้อง เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน

68. เช็ดผมให้แห้งก่อนเป่าผมทุกครั้ง ใช้เครื่องเป่าผมสำหรับแต่งทรงผม ไม่ควรใช้ทำให้ผมแห้ง เพราะต้องเป่านาน เปลืองไฟฟ้า

69. ใช้เตาแก๊สหุงต้มอาหาร ประหยัดกว่าใช้เตาไฟฟ้า เตาอบไฟฟ้าและควรติดตั้งวาล์วนิรภัย (Safety Value) เพื่อความปลอดภัยด้วย

70. เวลาหุงต้มอาหารด้วยเตาไฟฟ้า ควรจะปิดเตาก่อนอาหารสุก5 นาที เพราะความร้อนที่เตาจะร้อนต่ออีกอย่างน้อย 5 นาทีเพียงพอที่จะทำให้อาหารสุกได้

71. อย่าเสียบปลั๊กหม้อหุงข้าวไว้ เพราะระบบอุ่นจะทำงานตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองไฟเกินความจำเป็น

72. กาต้มน้ำไฟฟ้า ต้องดึงปลั๊กออกทันทีเมื่อน้ำเดือด อย่าเสียบไฟไว้เมื่อไม่มีคนอยู่ เพราะนอกจากจะไม่ประหยัดพลังงานแล้วยังอาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้

73. แยกสวิตช์ไฟออกจากกัน ให้สามารถเปิดปิดได้เฉพาะจุด ไม่ใช้ปุ่มเดียวเปิดปิดทั้งชั้น ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองและสูญเปล่า

74. หลีกเลี่ยงการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่ต้องมีการปล่อยความร้อนเช่น กาต้มน้ำ หม้อหุงต้ม ไว้ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ

75. ซ่อมบำรุงอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ และหมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เสมอ จะทำให้ลดการสิ้นเปลืองไฟได้

76. อย่าเปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ถ้าไม่ใช้งาน ติดตั้งระบบลดกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่องเมื่อพักการทำงาน จะประหยัดไฟได้ร้อยละ 35-40และถ้าหากปิดหน้าจอทันทีเมื่อไม่ใช้งาน จะประหยัดไฟได้ร้อยละ 60

77. ดูสัญลักษณ์ Energy Star ก่อนเลือกซื้ออุปกรณ์สำนักงาน(เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรสาร เครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าเครื่องถ่ายเอกสาร ฯลฯ) ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้กำลังไฟฟ้า เพราะจะมีระบบประหยัดไฟฟ้าอัตโนมัติ

วิธีประหยัดน้ำ

78. ใช้น้ำอย่างประหยัด หมั่นตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำอย่างเปล่าประโยชน์

79. ไม่ควรปล่อยให้น้ำไหลตลอดเวลาตอนล้างหน้า แปรงฟัน โกนหนวด และถูสบู่ตอนอาบน้ำ เพราะจะสูญน้ำไปโดยเปล่าประโยชน์ นาทีละหลายๆ ลิตร

80. ใช้สบู่เหลวแทนสบู่ก้อนเวลาล้างมือ เพราะการใช้สบู่ก้อนล้างมือจะใช้เวลามากกว่าการใช้สบู่เหลว และการใช้สบู่เหลวที่ไม่เข้มข้น จะใช้น้ำน้อยกว่าการล้างมือด้วยสบู่เหลวเข้มข้น

81. ซักผ้าด้วยมือ ควรรองน้ำใส่กาละมังแค่พอใช้ อย่าเปิดน้ำไหลทิ้งไว้ตลอดเวลาซัก เพราะสิ้นเปลืองกว่าการซักโดยวิธีการขังน้ำไว้ในกาละมัง

82. ใช้ Sprinkler หรือฝักบัวรดน้ำต้นไม้แทนการฉีดน้ำด้วยสายยาง จะประหยัดน้ำได้มากกว่า

83. ไม่ควรใช้สายยางและเปิดน้ำไหลตลอดเวลาในขณะที่ล้างรถเพราะจะใช้น้ำมากถึง 400 ลิตร แต่ถ้าล้างด้วยน้ำและฟองน้ำในกระป๋องหรือภาชนะบรรจุน้ำ จะลดการใช้น้ำได้มากถึง 300 ลิตรต่อการล้างหนึ่งครั้ง

84. ไม่ควรล้างรถบ่อยครั้งจนเกินไป เพราะนอกจากจะมีความสิ้นเปลืองน้ำแล้ว ยังทำให้เกิดสนิมที่ตัวถังได้ด้วย

85. ตรวจสอบท่อน้ำรั่วภายในบ้าน ด้วยการปิดก๊อกน้ำทุกตัวภายในบ้าน หลังจากทีทุกคนเข้านอน (หรือเวลาที่แน่ใจว่า ไม่มีใครใช้น้ำระยะหนึ่ง จดหมายเลขวัดน้ำไว้ ถ้าตอนเช้ามาตรเคลื่อนที่โดยที่ยังไม่มีใครเปิดน้ำใช้ ก็เรียกช่างมาตรวจซ่อมได้เลย)

86. ควรล้างพืชผักและผลไม้ในอ่างหรือภาชนะที่มีการกักเก็บน้ำไว้เพียงพอ เพราะการล้างด้วยน้ำที่ไหลจากก๊อกน้ำโดยตรง จะใช้น้ำมากกว่า การล้างด้วยน้ำที่บรรจุไว้ในภาชนะถึงร้อยละ 50

87. ตรวจสอบชักโครกว่ามีจุดรั่วซึมหรือไม่ ให้ลองหยดสีผสมอาหารลงในถังพักน้ำ แล้วสังเกตดูที่คอห่าน หากมีน้ำสีลงมาโดยที่ไม่ได้กดชักโครก ให้รีบจัดการซ่อมได้เลย

88. ไม่ใช้ชักโครกเป็นที่ทิ้งเศษอาหาร กระดาษ สารเคมีทุกชนิดเพราะจะทำให้สูญเสียน้ำจากการชักโครก เพื่อไล่สิ่งของลงท่อ

89. ใช้อุปกรณ์ประหยัดน้ำ เช่น ชักโครกประหยัดน้ำ ฝักบัวประหยัดน้ำ ก๊อกประหยัดน้ำ หัวฉีดประหยัดน้ำ เป็นต้น

90. ติด Areator หรือ อุปกรณ์เติมอากาศที่หัวก๊อก เพื่อช่วยเพิ่มอากาศให้แก่น้ำที่ไหลออกจากหัวก๊อก ลดปริมาณการไหลของน้ำ ช่วยประหยัดน้ำ

91. ไม่ควรรดน้ำต้นไม้ตอนแดดจัด เพราะน้ำจะระเหยหมดไปเปล่าๆ ให้รดตอนเช้าที่อากาศยังเย็นอยู่ การระเหยจะต่ำกว่าช่วยให้ประหยัดน้ำ

92. อย่าทิ้งน้ำดื่มที่เหลือในแก้วโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด ใช้รดน้ำต้นไม้ ใช้ชำระพื้นผิว ใช้ชำระความสะอาดสิ่งต่างๆ ได้อีกมาก

93. ควรใช้เหยือกน้ำกับแก้วเปล่าในการบริการน้ำดื่ม และให้ผู้ที่ต้องการดื่มรินน้ำดื่มเอง และควรดื่มให้หมดทุกครั้ง

94. ล้างจานในภาชนะที่ขังน้ำไว้ จะประหยัดน้ำได้มากกว่าการล้างจานด้วยวิธีที่ปล่อยให้น้ำไหลจากก๊อกน้ำตลอดเวลา

95. ติดตั้งระบบน้ำให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเก็บและจ่ายน้ำตามแรงโน้มถ่วงของโลก เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานไปสูบและจ่ายน้ำภายในอาคาร

วิธีประหยัดพลังงานอื่นๆ

96. อย่าใช้กระดาษหน้าเดียวทิ้ง ให้ใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าใช้ทั้งสองหน้า ให้นึกเสมอว่า กระดาษแต่ละแผ่นย่อมหมายถึงต้นไม้หนึ่งต้นที่ต้องเสียไป

97. ในสำนักงานให้ใช้การส่งเอกสารต่อๆ กัน แทนการสำเนาเอกสารหลายๆ ชุด เพื่อประหยัดกระดาษ ประหยัดพลังงาน

98. ลดการสูญเสียกระดาษเพิ่มมากขึ้น ด้วยการหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษปะหน้าโทรสาร ชนิดเต็มแผ่น และหันมาใช้กระดาษขนาดเล็ก ที่สามารถตัดพับบนโทรสารได้ง่าย

99. ใช้การส่งผ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยโมเด็ม หรือแผ่นดิสก์ แทนการส่งข่าวสารข้อมูลโดยเอกสาร ช่วยลดขั้นตอนการทำงาน ลดการใช้พลังงานได้มาก

100. หลีกเลี่ยงการใช้จานกระดาษ แก้วน้ำกระดาษ เวลาจัดงานสังสรรค์ต่างๆ เพราะสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิต

101. รู้จักแยกแยะประเภทขยะ เพื่อช่วยลดขั้นตอน และลดพลังงานในการทำลายขยะ และทำให้ขยะทั้งหลายง่ายต่อการกำจัด

102. หนังสือพิมพ์อ่านเสร็จแล้วอย่าทิ้ง ให้เก็บไว้ขาย หรือพับถุง เก็บไว้ทำอะไรอย่างอื่น ใช้ซ้ำทุกครั้งถ้าทำได้ ช่วยลดการใช้พลังงานในการผลิต

103. ขึ้นลงชั้นเดียวหรือสองชั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟท์ จำไว้เสมอว่าการกดลิฟท์แต่ละครั้ง สูญเสียพลังงานถึง 7 บาท

104. งด เลิก บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้งเลย เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานในการผลิต ใช้ทรัพยากรธรรมชาติสิ้นเปลือง เพิ่มปริมาณขยะ เปลืองพลังงานในการกำจัดขยะ

105. ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ยากต่อการทำลาย เช่น โฟม หรือพลาสติก ควรเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ (Reuse) หรือนำไปผ่านกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ได้ (Recycle)

106. สนับสนุนสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ เป็นวัสดุที่สามารถนำมาผ่านกระบวนการนำมาใช้ใหม่ (Recycle) เช่น แก้ว กระดาษ โลหะ พลาสติกบางประเภท โดยจัดให้มีการแยกขยะในครัวเรือนและในสำนักงาน

107. ให้ความร่วมมือ สนับสนุน หรือเข้าร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่รณรงค์ส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์พลังงาน

108. กระตุ้นเตือนให้ผู้อื่นช่วยกันประหยัดพลังงาน โดยการติดสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายให้ช่วยประหยัดไฟ ตรงบริเวณใกล้สวิทช์ไฟ เพื่อเตือนให้ปิดเมื่อเลิกใช้แล้ว


สุดท้ายนี้ หวังว่าทุกท่าน ในฐานะที่เป็นคนไทย จงช่วยกันกอบกู้เศรษฐกิจของชาติ ด้วยการสร้างพฤติกรรมประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นอีกต่อไป มาร่วมมือกัน ช่วยกันทั้งประเทศลงมือทำอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้และวันต่อๆ ไปเพื่อประเทศไทยของเราทุกคน...ครับผม

9 คำสอนพ่อ

9 คำสอนพ่อ
จาก... ธรรมจักร

1. ความเพียร

การสร้างสรรค์ตนเอง การสร้างบ้านเมืองก็ตาม มิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ ความเพียร ต้องใช้ความอดทน เสียสละ แต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อ ไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อ บางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดัง คือดูมันครึทำดีนี่ แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทน เวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียน นักศึกษา ครู และอาจารย์ ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ 27 ตุลาคม 2516 )

2. ความพอดี

ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไป ด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังและความพอเหมาะพอดี ไม่ทำเกินฐานะและกำลัง หรือทำด้วยความเร่งรีบ เมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้น ตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอน มีหลักเกณฑ์ เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธันวาคม 2540)

3. ความรู้ตน

เด็กๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัว การรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้ว จะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่างๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็ว จะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญ ให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน (พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ประจำปี 2521)

4. คนเราจะต้องรับและจะต้องให้

คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้ (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521 )

5. อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ

ในวงสังคมนั้นเล่า ท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้าง มีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ พร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิถุนายน 2496)

6. พูดจริง ทำจริง

ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540)

7. หนังสือเป็นออมสิน

หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป็นคล้ายๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้ มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้ (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พ.ย. 2514)

8. ความซื่อสัตย์

ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาด ที่เจริญมั่นคง (พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปีพุทธศักราช 2531)

9. การเอาชนะใจตน

ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดี เป็นความถูกต้อง และเป็นธรรม ถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้นๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ (พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธันวาคม 2513)

ผมอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสดังกล่าวมา เพื่อเผยแพร่ และให้ทุกท่านได้นำไปพิจารณาประพฤติปฎิบัติ ซึ่งจัดว่ามีคุณค่ายิ่ง ...ครับผม

MOU ได้ผล คนกำลังเรียนม.ปลายกับกศน.ศึกษาต่อม.ราชภัฏได้เลย

MOU ได้ผล คนกำลังเรียนม.ปลายกับกศน.ศึกษาต่อม.ราชภัฏได้เลย
โดย บุญโชค พลดาหาญ


จากการทำข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฎเลยกับกศน.เลย ที่ผ่านมา ขอรายงานความก้าวหน้าให้ทราบว่า

มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ได้มีโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำและพ่อค้า โดยให้ผู้กำลังศึกษาม.ปลายกับกศน. ศึกษาต่อปริญญาตรีสาขาการบริหารธุรกิจ และสาขาการปกครองท้องถิ่นได้เลย (ม.รามคำแหงยิ่งดีใหญ่ใครทำงานมา5ปีไม่ต้องมีวุฒิม.ปลายให้เรียนป.ตรีได้เลย นอกจากนั้นยังไม่พอ ใครก็ได้อยากเรียนรายวิชาใดในหลักสูตรป.ตรีก็มีสิทธิ์เรียนทั้งนั้น เมื่อสอบผ่านครบทุกรายวิชาก็รวบรวมมาเสนอขอปริญญาได้เลย )

1. นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย ได้ส่งลูกจ้างทั้งหมดที่ไม่จบม.ปลาย ให้มาเรียนโครงการยกระดับการศึกษากับกศน. นี่ก็เป็นผลจากการทำ MOU อีกแล้วครับท่าน

2. นอกจากนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏ ได้จัดให้นักศึกษาสาขาการจัดการเรียนหลักสูตรแพทย์แผนไทย โดยใช้หลักสูตรและวิทยากรจากกศน. ส่วนงบประมาณก็ใช้ของมหาวิทยาลัย ทำมาได้4 รุ่นแล้วครับ นับว่ามีผู้นิยมเรียนมากเลย ทั้งจากนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่นำไปใช้ภายในครอบครัวและญาติมิตร คิดว่าเป็นการเสริมสร้างให้ครอบครัวอบอุ่นได้ไม่มากก็น้อย ครับผม

3. จากการทำ MOU อีกเช่นกัน มหาวิทยาลัยราชภัฎเลยได้อนุญาตให้กศน.เชื่อมต่อระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์จากมหาวิทยาลัยซึ่งมีท่อเชื่อมต่อกันมาไว้จากห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์มหาวิทยาลัยทั้ง 24 แห่ง เข้าสู่แหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตห้องสมุดประชาชนจังหวัดเลย ต่อไปนี้ห้องสมุดประชาชนก็จะไม่เชย เพราะจะมีหนังสือสื่ออิเล็กทรอนิกส์และงานวิจัยที่ไหลมาตามท่อ เป็นแสน ๆ เล่ม ไว้บริการประชาชนทุกหมู่เหล่า

4. เท่านั้นยังไม่พอ กศน.ได้ขอให้มหาวิทยาลัยได้ส่งนักศึกษามาฝึกงานที่กศน.อีกหลายสาขาวิชา และให้ใช้อาคารสถานที่ วิทยากรที่ชำนาญด้านต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ในการพัฒนาบุคลากรและนักศึกษาของกศน.

5. กศน.ก็ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เพื่อส่งต่อกันให้นักศึกษากศน.ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยราชภัฎ โดยจัดแนะแนวร่วมกันในวันปัจฉิมนิเทศนักศึกษา เพื่อให้นักศึกษากศน.มีช่องทางศึกษาต่อที่หลากหลาย ไม่เป็นการศึกษายอดด้วน

จึงประชาสัมพันธ์ และขอเชิญชวนทุกท่านที่ยังไม่จบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ได้เข้ามาศึกษาต่อกับ กศน. ครับผม


กศน.เลยประชุมเอาเรื่อง...ไม่ได้ประชุมหาเรื่อง

กศน.เลยประชุมเอาเรื่อง...ไม่ได้ประชุมหาเรื่อง
โดย บุญโชค พลดาหาญ


งานคือเงินเงินคืองานบันดาลสุข คือคำขวัญยุคหนึ่งซึ่งผู้นำประเทศของเรากล่าวไว้ ในปัจจุบันใคร ๆ ก็ต่างเรียกร้องหางานอยากทำงาน ทั้งเพื่อการยังชีพหรือเพื่อการมีคุณค่าในสังคม คนส่วนใหญ่นิยมยกย่องคนดีมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน หากบ้านเมืองใดองค์กรใดยกย่องเงินเป็นใหญ่ ยกย่องผู้หลักผู้ใหญ่เป็นใหญ่ นิยมในพวกประจบสอพลอก็น่าสมเพทใจ เหตุวุ่นวายเหตุฉิบหายตามมามีแน่ไม่เร็วก็ช้า
บางท่านเรียกร้องหางาน เมื่อได้งานแต่กลับทำงานไม่เต็มที่ อย่างนี้น่าจะลาออก เพราะไม่สมกับที่บอกว่าอยากได้งานทำ กศน.เลย ย้ำให้คนทำงานราชการกินเงินเดือนค่าจ้างของทางราชการ ซึ่งเก็บมาจากภาษีอากรของชาวบ้าน เราต้องทำงานให้คุ้มตามบทบาทหน้าที่ โดยเฉพาะผู้นำยุคนี้ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
หากยังแสดงไม่สมบทบาทไม่สมศักดิ์ศรี ไม่มียุทธศาสตร์ที่ดีไม่มีการขับเคลื่อนที่เอาจริงเอาจัง งานขององค์กรก็คงล้าหลังไม่สมดังเจตนาวัตถุประสงค์ที่ตั้งองค์กรขึ้นมา


กศน.เลยถือว่าผู้บริหารคือบุคคลสำคัญ งานขององค์กรจะล้มเหลวหรือเดินหน้า ทีมงานจะให้ความร่วมมือในการทำงานหรือไม่ ส่วนใหญ่ขึ้นกับตัวผู้บริหารเกือบทั้งนั้น จึงได้สั่งให้ผู้บริหารกศน.อำเภอทุกท่านทำการบ้านอย่างหนัก ให้นำผลสรุปจากที่ทำงานมาตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน นำมาเสนอกันในวันที่ 5 มิถุนายน 2550 นี้ ที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเลย รวมทั้งให้เผยแผนการที่จะขับเคลื่อนงานต่อไปถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งมี 10 เรื่องสำคัญ เพื่อให้ช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ และหาข้อสรุปเป็นหลักการนำไปปรับใช้ต่อไป

เรื่องที่ให้ทุกอำเภอทำรายงานเป็นเอกสารและนำเสนอเป็น power point ต่อที่ประชุม ถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป มีดังนี้

1. เรื่องคุณธรรมนำความรู้

2. เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง

3. เรื่องการยกระดับการศึกษา

4. เรื่องคูปองส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต

5. เรื่องหมู่บ้านเรียนรู้ตลอดชีวิต

6. เรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา

7. เรื่องการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน และใช้เพื่อพัฒนางาน

8. เรื่องห้องสมุดมีชีวิต /เครือข่ายการเรียนรู้/การรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน

9. เรื่องการรณรงค์ส่งเสริมประชาธิปไตย

10. เรื่องการทำงานร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร ฯลฯ

ใครอยากจะวิพากษ์วิจารณ์เชิญได้...ครับผม


กศน.เลยมุ่งเศรษฐกิจพอเพียง ใครไม่ได้เรื่องตัดออกจากกองมรดก

กศน.เลยมุ่งเศรษฐกิจพอเพียง ใครไม่ได้เรื่องตัดออกจากกองมรดก
โดย บุญโชค พลดาหาญ


“ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นเรื่องที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ได้ทรงค้นคว้าและเผยแพร่ ย้ำเตือนแก่รัฐบาลและพสกนิกรเรื่อยมา นับเป็นเวลากว่า 30 ปี ที่ให้ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นเรื่องหลักความพอดีพอประมาณ การมีเหตุมีผลมีภูมิคุ้มกัน โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือการยึดหลักความรู้คู่คุณธรรม แต่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่นำพารับไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ปัญหาทั้งหลายไม่ว่าด้านเศรษฐกิจสังคมการเมือง ทั้งเรื่องระดับชาติระดับชุมชนระดับครอบครัวจึงมากมาย เพื่อให้การแก้ปัญหาของชาติบรรลุผลด้วยดี รัฐบาลปัจจุบันนี้ได้น้อมรับมาใส่เกล้าฯ ถือเอาเป็นนโยบายสำคัญ ให้ทุกภาคส่วนนั้นนำไปปฏิบัติ ยืนหยัดยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง


ช่วงนี้มีข่าวน่าภาคภูมิใจ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของไทยดังไปไกลทั่วโลก องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ได้น้อมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ไปนำร่องพัฒนา 160 ประเทศทั่วโลก สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ได้จับมือสภาพัฒน์ต่อยอดแนวคิด เปิดโครงการ พ.ศ.พอเพียง นำคำสอนพ่อถ่ายทอดผ่านจอทีวี ในรายการโทรทัศน์ พ.ศ.พอเพียง ทาง ททบ.5 ทุกวันอาทิตย์ จะเสนอวิถีปฏิบัติ และชีวิตความเป็นอยู่ของผู้น้อมรับปรัชญามาดำเนินชีวิต แล้วยังจะมีการเสริมด้วยสารคดีสั้น "แผ่นดิน พอเพียง" ขณะเดียวกันโครงการ พ.ศ.พอเพียง จะมีกิจกรรมสัญจร นำความรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เช่น นิทรรศการเศรษฐกิจพอเพียง, สัมมนา พ.ศ.พอเพียง, การแสดงมหานาฏกรรมเทิดพระเกียรติ "พระมหาชนก" และตลาดนัดพอเพียง รวมถึงจัดทำสื่อเว็บไซต์ www.ppgen.com ที่จะเป็นช่องทางเพื่อให้ความรู้สร้างเครือข่าย ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิด และเป็นสื่อกลางประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังจะมีสายรัดข้อมือ และหนังสือคู่มือพอเพียง ออกจำหน่ายเพื่อหาแนวร่วมผู้น้อมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต


ในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กศน.ถือเป็นหน่วยงานใกล้ชิดประชาชนหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ให้การศึกษา จะต้องนำมาเผยแพร่และรับไปปฏิบัติ กศน.เลยจึงจัดให้คนกศน.มีความรู้ในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง ทั้งให้นำไปปฏิบัติแก่ตนเองครอบครัวและองค์กรของตน การนำไปขยายผลให้ความรู้แก่ชาวบ้าน

งานนี้ถือว่าเป็นนโยบาย ใครทำไม่ได้ให้พิจารณาตนเอง หากยังไม่รีบเร่งปรับตัวจะไม่เกรงใจ ขอตัดออกไปจากกองมรดกของกศน. เพราะแม้ตนเองยังไม่นำพา นับประสาอะไรจะไปสอนชาวบ้าน คนที่อยากจะมาสานต่อยังมีอีกมาก งานนี้รู้ว่ายากเหมือนเข็ญครกขึ้นภูเขา เพราะคนเราหลวมตัวมามาก จากนิสัยชอบสะดวกสบายและสอนแต่คนอื่นลืมสอนตัวเอง หากเป็นเฉกเช่นนี้ไม่ปรับตัว ไม่ทำตัวให้เป็นเพื่อนเรียนรู้กับชาวบ้าน การคิดเป็นก็ไม่มีไม่รู้เรื่อง อาศัยราชการอยู่เพียงรับเงินเดือนค่าจ้างอยู่ไปวันๆ ใช้ชีวิตไม่บันยะบันยัง หนี้สินรุงรังชักหน้าไม่ถึงหลัง ชาวบ้านยังดีกว่าพึ่งพาตนเองได้ดีกว่า จะมัวไปรบกวนเวลาชาวบ้านไปสอนชาวบ้านทำไม

นี่คือเงื่อนไขการปรับตัวครั้งใหญ่ เพื่อจะไปขับเคลื่อนการปฏิบัติตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ที่ปวงชนทั่วโลกล้วนศรัทธา ชาวกศน.เลยขอคารวะเทิดทูนด้วยกายและใจ จะน้อมนำไปปฏิบัติอย่างจริงจังทั้งองค์กร เพื่อเป็นการถวายพระพรและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เป็นการสนองคุณแผ่นดินสนองคุณพระองค์ท่าน เนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชย์สมบัติยาวนานครบ 60 ปีในปี 2549 และจะทรงมีพระชนมายุยืนยาวครบ 80 ปีในปี2550 นี้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ... จากข้าพระพุทธเจ้าชาว กศน.เลย ทุกคน

กศน.เลยเดินหน้าร่วมจัดการศึกษากับ อปท.และเครือข่าย

กศน.เลยเดินหน้าร่วมจัดการศึกษากับ อปท.และเครือข่าย
โดย บุญโชค พลดาหาญ


จากการที่กฎหมายรัฐธรรมนูญ พรบ.การศึกษาแห่งชาติ และ พรบ.กระจายอำนาจฯฉบับปัจจุบัน ให้ทุกท่านทุกภาคส่วนล้วนจัดการศึกษาได้ เป็นการกระจายอำนาจและระดมสรรพกำลัง มุ่งหวังการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ให้การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทั้งโรงงาน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นๆ เป็นผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ โดยมีเป้าหมายของการจัดการศึกษา มุ่งพัฒนาให้ทุกคนเป็น “คนเก่ง คนดี และมีความสุข” ปลุกกระแสให้ทุกคนทุกภาคส่วนร่วมกัน “สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ให้เข้มแข็ง” เสริมแรงให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในชุมชน ให้ทุกคนเป็นทั้งผู้ให้การศึกษาและรับการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิต

ให้มวลมิตรภาคีเครือข่ายเข้าไปส่งเสริมเติมเต็มสนับสนุนเรื่องการศึกษา เป็นการเติมทุนทางปัญญาให้กับสังคม จัดการศึกษาให้ผสมผสานบูรณาการกับชีวิต ทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การพัฒนาทักษะชีวิตพัฒนาสังคมและชุมชน การพัฒนากลุ่มคนวัยแรงงาน(อายุ15-59ปี) ให้มีการศึกษาระดับมัธยมขึ้นไปภายในปี 2551 ซึ่งกลุ่มเป้าหมายจังหวัดเลยมีกว่า 3 แสนคนนั้น บัดนี้ภาคีเครือข่ายได้ลงนามทำข้อตกลงร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานอปท.เลย(อบจ.อบต.เทศบาล)และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนกับกศน.พอสรุปได้ว่า


อปท.จะจัดการศึกษานอกระบบโดยให้งบประมาณมาสนับสนุน เป็นทุนดำเนินการด้านวัสดุครุภัณฑ์อาคารสถานที่และค่าสอน ร่วมคัดเลือกครูมืออาชีพจากโรงเรียนต่างๆก่อนใช้ครูมือใหม่ ให้สอนตอนกลางคืนหรือวันเสาร์อาทิตย์ ที่มวลมิตรประ
ชาชนมีเวลาว่างจากการทำงาน เพื่อจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับวิถีชีวิต (ขณะนี้อบจ.เลยสนับสนุนคอมพิวเตอร์/ห้องสมุดอิเล็คทรอนิคให้กศน.ทุกอำเภอรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท จัดสนับสนุนการจัดอบรมวิชาชีพอำเภอละ 2 แสนกว่าบาทรวมเกือบ 3 ล้านบาท สนับสนุนโครงการกศน.สัญจรพบประชาชนร่วมกับอบจ.เลยร่วมแสนบาท และจะสนับสนุนงบประมาณการจ้างบุคลากรมาช่วยสอนคอมพิวเตอร์และดูแลห้องสมุดอิเลคทรอนิคทุกอำเภอต่อไป ส่วนอบต.เทศบาลต่างๆสนับสนุนอาคารที่ทำการศูนย์การเรียนชุมชนพร้อมวัสดุครุภัณฑ์การศึกษาและค่าสอน ซึ่งบางแห่งสนับสนุนคิดเป็นมูลค่าหลายล้านบาทแล้ว)

คิดว่าปี 2549 จัดเท่าที่จัดได้ก่อนเพราะตอนทำแผนท้องถิ่นไม่ได้ทำข้อบังคับงบประมาณไว้ หากจัดงบประมาณกลางปีได้ก็จะเป็นการดี เพื่อให้มีตำบลนำร่องจัดงบประมาณให้ทุกหมู่บ้าน ส่วนตำบลอื่นๆ นั้นจัดตามกำลังความพร้อมที่มี สำหรับปี 2550-2551 จึงจัดงบประมาณให้ครบทุกหมู่บ้าน ให้มีครูสอนการศึกษานอกโรงเรียนเต็มพื้นที่ งบประมาณการศึกษาหมู่บ้านละ 5 หมื่นประมาณนี้ โดยสมาชิกอปท.ผู้นำทุกหมู่บ้านที่การศึกษาไม่จบมัธยมปลาย ให้มาเข้ารับการศึกษารวมทั้งระดมชาวบ้านมาเรียนกันทุกคน ร่วมกันนิเทศติดตามผลประเมินผล การพัฒนาตนเองพัฒนาสังคมให้ก้าวไกล ด้านเครือข่ายภาคีพันธมิตรส่วนต่างๆ จะช่วยทางด้านวิทยากรและอาคารสถานที่ รวมทั้งอาจมีงบประมาณวัสดุอุปกรณ์สนับสนุน นับเป็นคุณอนันต์อันยิ่งใหญ่

ส่วนกศน.จะทำในเรื่องประชาสัมพันธ์ การดูแลหลักสูตรและคุณภาพมาตรฐานการศึกษา การพัฒนาบุคลากรสื่อการเรียนการสอนการนิเทศติดตามผลประเมินผลรายงานผล


จนถึงปัจจุบันมีหน่วยงานที่ได้ทำข้อตกลงร่วมกัน เช่นองค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลต่างๆ รวมทั้งเขตพื้นที่การศึกษาสถานศึกษาในสังกัด มหาวิทยาลัยราชภัฎ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน วิทยาลัยการอาชีพ วิทยาลัยเทคนิค วิทยาลัยอาชีวศึกษา และกำลังทยอยมาทำข้อตกลงร่วมกันอีกมากมาย นี่คือความจริงใจที่ทุกฝ่ายผนึกกำลังกันร่วมยกระดับการศึกษาให้คนกว่า 3 แสนคน และร่วมส่งเสริมให้เกิดผล สร้างชุมชนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้สังคมฐานความรู้ มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน พวกเราขอชื่นชมและปรบมือให้ อปท.ทั้งหลายและเครือข่ายพันธมิตรทุกท่าน ครับผม

กศน.เลยเน้นความคล่องตัวโปร่งใสให้จ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารทุกกรณี

กศน.เลยเน้นความคล่องตัวโปร่งใสให้จ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารทุกกรณี
โดย บุญโชค พลดาหาญ

จากนโยบายรัฐบาล ให้ใช้ “หลักธรรมาภิบาล” บริหารงานทุกภาคส่วนนั้น การจัดซื้อจัดจ้างต้องโปร่งใส กศน.เลยเน้นให้ปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยสั่งการให้ซื้อสินค้าในราคาถูกคุณภาพดี มีการซื้อคราวละมากๆ เดือนละครั้งหรือไตรมาสละครั้ง จ่ายเงินทางธนาคารโดยเข้าบัญชีร้านค้า เพื่อว่าให้เกิดความคล่องตัวและสะดวกทุกฝ่าย ให้มีการทำข้อตกลงร่วมกัน ว่าพร้อมจะปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมกันนั้น ซึ่งมีการประกันราคา/คุณภาพสินค้า และจะออกใบเสร็จรับเงินพร้อมเดินงานธุรการต่างๆให้รวดเร็วทันที จะได้ไม่มีปัญหางานล่าช้าตกค้าง

ทางด้านการจ่ายเงินค่าจ้างค่าตอบแทนทั้งหลาย ที่ได้ทำนิติกรรมไว้กับกศน.ทุกกรณี ก็จะมีการจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคารเท่านั้น เป็นการลดงานลดขั้นตอนและเกิดความโปร่งใส ให้ไปเปิดบัญชี/นำสำเนาสมุดคู่ฝากธนาคารกรุงไทยที่มี ส่งไว้ที่เจ้าหน้าที่การเงินทุกราย หากใคร/ร้านค้าใดไม่ปฏิบัติตามกติกา ก็จะเลิกสัญญาไม่คบหาด้วยไม่ว่ากรณีใดๆ คาดว่าจะทำให้งานการเงินบัญชีพัสดุลดลงได้

แล้วเอาเวลาที่เหลือไปนิเทศติดตามงานในพื้นที่ ซึ่งจะมีประโยชน์มากกว่ายุ่งกับเปลือกกับกะพี้ งานกศน.ที่เป็นแก่นคือการส่งเสริมการเรียนรู้ ให้ผู้คนทั้งหลายเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ จะต้องทำควบคู่ร่วมไปกับเครือข่าย โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน ไม่ใช่มุดอยู่แต่ในสำนักงานรอแต่รับรายงานที่ส่งมา ไม่รู้ว่าของแท้ของจริงเป็นเช่นไร สิ่งที่รายงานก็ว่ากันไปตามแบบมีถูกบ้างผิดบ้างจากข้อเท็จจริง ให้มีการนำสิ่งที่ได้ไปแก้ไขปรับปรุงพัฒนา ยืนหยัดเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง

งานทั้งหลายมุ่งผลสัมฤทธิ์ ที่ตัวประชาชน โดยบูรณาการชีวิตคน/ งาน/ การศึกษา ถือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน ผสมผสานไปกับทุกภาคส่วน รบกวนเวลาของประชาชนให้น้อย แต่คอยกระตุ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่าเผลอเป็นพระเอกเสียเอง ยกให้อปท. และขอให้ผู้นำท้องถิ่นเป็นเต็งหนึ่งในฐานะเจ้าของพื้นที่และมีหน้าที่ร่วมกัน

กศน.ทำหน้าที่เป็นผู้ประสาน ผู้เก็บงาน รายงานผล ทำตนเป็นเครือข่ายที่ดีมีความจริงใจให้กับทุกภาคส่วน ทุกกระบวนท่าทุกงาน เป้าสุดท้ายคือการส่งเสริมให้ชุมชนเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ให้ทุกคนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมฐานความรู้ มีการศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือพัฒนาตนเองครอบครัวและสังคม ซึ่งทุกคนในสังคมจะต้องร่วมมือกัน ตามที่พรบ.การศึกษาแห่งชาตินั้นกำหนดไว้ ให้การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน.... ครับผม

กศน.เลยฝันไกลจะจับแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาทั้งหลายใส่วีซีดี.130เรื่อง

กศน.เลยฝันไกลจะจับแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาทั้งหลายใส่วีซีดี.130เรื่อง
โดย บุญโชค พลดาหาญ

จากวิสัยทัศน์ของกศน. ที่จะก่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย เป็นบุคคลใฝ่รู้ใฝ่เรียนและแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองตามความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ บนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

เรื่องนี้จังหวัดเลยมีจุดยืนซึ่งตื่นตัวมาร่วม 2 ปี ที่จะให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ ได้ทำอยู่ในหลายเรื่อง เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งคือส่งครูกศน.ไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่ ไปผูกสัมพันธไมตรีกับอปท.และเครือข่ายทั้งหลาย โดยใช้ใจผูกใจในฐานะพันธมิตร และเอาภารกิจทั้งหลายมาคลี่ใส่กัน ทำงานแบบบูรณาการ โดยเอาประชาชนกลุ่มเป้าหมายนั้นเป็นตัวตั้ง ระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วน ชวนกันพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ทั้งสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติทั้งหลาย แหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีอยู่มากมาย สิ่งที่ปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นทั้งหลายสรรค์สร้างขึ้นมา ด้านศิลปวัฒนธรรมประเพณี สิ่งที่เป็นของดีทั้งหลายในท้องถิ่น การทำมาหากินในแต่ละอาชีพแต่ละเรื่อง โดยเฉพาะการดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องความอบอุ่นในครอบครัวทักษะชีวิตต่างๆ การพัฒนาทางด้านสังคมและชุมชน การฝึกฝนพัฒนาพึ่งตนเอง

โดยร่วมกันเสกสรรปั้นแต่ง เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้-ครูภูมิปัญญาที่ดูดีมีความสมบูรณ์ กระตุ้นให้ทุกคนเข้าไปเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และนำเรื่องทั้งหมดถ่ายทำลงในวีซีดี. เป้าหมายที่ทำอย่างน้อยตำบลละเรื่องอำเภอละ10เรื่องขึ้นไป คาดหวังไว้จะได้ไม่ต่ำกว่า 130 เรื่อง

แล้วจะนำวีซีดี.ทุกเรื่องไปไว้เพื่อจำหน่ายและให้ยืมในห้องสมุดประชาชนศูนย์การเรียนชุมชนทุกแห่งกว่า100แห่ง รวมทั้งนำวีซีดี.ที่ถ่ายทำแต่ละแห่งไปแสดงและจำหน่ายในจุดแหล่งเรียนรู้นั้นๆ เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อหากันได้โดยง่าย เพื่อนำไปศึกษาเรียนรู้เปิดโลกทัศน์จัดประมวลเป็นองค์ความรู้สู่การปฏิบัติ

จะจัดให้มีการติดตามผลประเมินผล การกระตุ้นผู้คนให้เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง จะนำสื่อวีซีดี.ทุกเรื่องที่ผลิตขึ้นมาแสดงและจำหน่าย ทั้งในวันประชุมประจำเดือนผู้ใหญ่บ้านกำนัน และตามงานเทศกาลทั้งระดับจังหวัดอำเภอหมู่บ้าน งานจังหวัดเคลื่อนที่อำเภอเคลื่อนที่ งานแสดงสินค้าและงานอื่นๆ ที่มีตามแต่จะเห็นสมควร

ส่วนด้านการผลิตนั้นจะทำกัน 3 รูปแบบ คือ1 นาที 15 นาที และ 50 นาที เพื่อที่จะเผยแพร่ได้ง่ายในแต่ละวัตถุประสงค์ การลงทุนได้ขอรับการสนับสนุนจากอปท.ต่าง ๆ เป้าหมายค่อนข้างตั้งไว้สูง มุ่งหวังว่าภายในปี2551 นี้ จะมีวีซีดี.130 เรื่องกระจายอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองเลยไม่ต่ำกว่า 5 แสนแผ่น

แหล่งเรียนรู้จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาศึกษาดูงาน โดยการบริหารจัดการกันเองของแหล่งเรียนรู้นั้นๆ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นสังคมที่อยู่แบบพึ่งพาตนเองและพึ่งพาอาศัยกันอย่างสมานฉันท์

กศน.จะนำผลจากการเรียนรู้ ทั้งหลายที่แต่ละคนสะสมมานั้น นำไปสู่การเทียบโอนความรู้ในโครงการยกระดับการศึกษา คาดว่าจะบรรลุสู่เป้าหมายตามวิสัยทัศน์ที่กศน.ตั้งไว้ในที่สุด


นี่เป็นความวาดหวังที่ตั้งไว้ และได้ผลักดันมาร่วม 2 ปี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงต้นฉบับให้สมบูรณ์ เพื่อขยายผล ตั้งเป้าจะทำจนสำเร็จให้ได้ ภายในปี 2551 ซึ่งจังหวัดเลย มี 13 ศบอ. มี 12 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ 920 หมู่บ้าน ทำ วีซีดี.ศบอ.ละอย่างน้อย 10 เรื่อง จะได้วีซีดี.อย่างน้อย 130 เรื่อง เป้าหมายจำหน่ายหมู่บ้านละ 5 ชุดหรือ 650 แผ่น ทั้งที่ชาวบ้านซื้อเอง และงบอปท.บ้านละ 1 ชุด 130 แผ่นเอาไว้ที่บ้านกำนัน/ผู้ใหญ่บ้านเพื่อเผยแพร่ ก็จะมี วีซีดี.เผยแพร่ในหมู่บ้านทั้ง 920 หมู่บ้าน 598,000 แผ่น และมีส่วนที่นำไว้บริการในห้องสมุดประชาชน/ศูนย์การเรียนการชุมชนอีกกว่า 100 แห่ง

กศน.เลยส่งเสริมการอ่านให้ผู้ใหญ่บ้านกำนันเป็นสมาชิกห้องสมุดฯทุกคน

กศน.เลยส่งเสริมการอ่านให้ผู้ใหญ่บ้านกำนันเป็นสมาชิกห้องสมุดฯทุกคน
โดย บุญโชค พลดาหาญ

เป็นที่รู้กันว่าคนไทยนั้นไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะจากสถิติที่น่าเชื่อถือที่ราชการสำรวจไว้ มีคนไทยไม่อ่านหนังสือถึง 18 ล้านคน เฉลี่ยคนหนึ่งอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด ทั้ง ๆ ที่การอ่านจัดว่าเป็นการพัฒนาตนทางลัดที่ดี เพราะหนังสือที่คนทั้งหลายเขียนไว้ ล้วนมีคุณค่ามากมายอเนกอนันต์ ทั้งด้านอาชีพทั้งหลาย ศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ที่มีมากมายในโลกนี้ รวมทั้งด้านบันเทิงศิลปวัฒนธรรมประเพณี ข้อคิดข้อเขียนที่ทางผู้มีประสบการณ์ผู้รู้ ผู้ประสบความสำเร็จทั้งหลายเขียนไว้ ฯลฯ หนังสือจึงเป็นสรรพวิชาที่หลากหลายที่ให้เราได้เรียนรู้ นำไปสู่การพัฒนาตนเอง พัฒนาสังคมชุมชน

เหตุผลหนึ่งที่คนไทยไม่ชอบอ่าน เพราะหนังสือนั้นอยู่ไกลตัวและไม่โดนใจ
การที่จะให้คนที่อยู่ท้องถิ่นห่างไกลทุรกันดาร นั่งรถโดยสารหรือรถส่วนตัวระยะทางเป็น 10 เป็น 100 กิโลเมตรมาอ่านหนังสือ ถือว่าเป็นเรื่องเป็นไปได้ยาก หากมีหนังสืออยู่ใกล้ตัวและเป็นหนังสือที่โดนใจ มีหลากหลายให้เลือกอ่าน ทั้งเป็นสิ่งที่แต่ละท่านจำเป็นต้องรู้จำเป็นใช้ โดยมีผู้กระตุ้นให้อยากรู้อยากอ่าน ก็น่าจะทำให้คนอ่านหนังสือกันมากขึ้นเป็นแน่ โดยเริ่มต้นตั้งแต่ตัวผู้นำเป็นตัวอย่าง


กศน.เลยจึงมุ่งหวังผลที่จะให้ผู้นำทั้งหลาย โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านและกำนัน สารวัตรกำนันผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นผู้นำที่เป็นทางการในระดับพื้นที่ทุกหมู่บ้าน หวังที่จะให้รักการอ่าน เพื่อนำสาระจากการอ่าน มาพัฒนางานพัฒนาตนเองพัฒนาสังคมชุมชน ให้ผู้นำดังกล่าวทุกคนใน 920 หมู่บ้านเป็นสมาชิกห้องสมุดประชาชนกิตติมศักดิ์

ทางกศน.จะนำหนังสือหลักที่หลากหลายในลักษณะหนังสือสามัญประจำหมู่บ้าน เช่น ด้านอาชีพต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับพื้นที่ การเกษตรทฤษฎีใหม่ ในด้านเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องระเบียบกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการติดต่องานต่าง ๆ ของส่วนราชการต่าง ๆ การดูแลพัฒนาทั้งทางสุขภาพกายและจิต หลักคิดหลักปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา การพัฒนาบุคลิกภาพทางกาย มารยาทในการเข้าสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณีนิยมการจัดงานต่าง ๆ ในภูมิภาค ทั้งหลักทางโหราศาสตร์ต่างๆ หนังสือการ์ตูนวรรณคดีนวนิยายเรื่องสั้นที่ให้คติสอนใจ แหล่งท่องเที่ยวของดีทั้งหลายที่มีในพื้นที่ รวมทั้งวีซีดีต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวข้างต้นเท่าที่จะหาได้

โดยให้สิทธิพิเศษยืมได้ครั้งละหนึ่งเดือน กำหนดผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนยืมชุดใหม่ในวันประชุมประจำเดือนทุกเดือนไป เพื่อให้ผู้นำได้นำหนังสือไปอ่าน และบริการแก่ลูกบ้านของตนได้ยืมอีกทอดหนึ่งต่อไป โดยให้ทำบันทึกการยืมไว้เป็นหลักฐาน จะได้รู้กันว่าผู้นำแต่ละท่านได้อ่านและนำไปขยายผลต่อลูกบ้านเป็นใครบ้างมีรายละเอียดอย่างไร

สำหรับหนังสือที่ใช้ในโครงการนี้ ส่วนหนึ่งใช้หนังสือที่มีในห้องสมุดประชาชน รวมทั้งระดมจากคนที่มีจิตศรัทธาทั้งหลาย การขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่ทางหน่วยงานมีนโยบายผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ ซึ่งมีอยู่เกือบทุกหน่วยงานร่วมสนับสนุน รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากอบจ. อบต.เทศบาล การจัดหาทุนที่หลากหลายใช้จัดตั้งเป็น “กองทุนส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิต” ขณะนี้ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคมาเป็นทุนประเดิมเบื้องต้น 67,109.25 บาท (หกหมื่นเจ็ดพันหนึ่งร้อยเก้าบาทยี่สิบห้าสตางค์)

โครงการนี้ทางผู้เขียนเคยนำร่องไว้ในอำเภอด่านซ้ายในปี 2529 เหล่าผู้นำหมู่บ้านทั้งหลายให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ทำให้ห้องสมุดประชาชนแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกเป็นห้องสมุดดีเด่นของสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ได้รับโล่จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเมื่อปี 2530 เมื่อได้มีโอกาสกลับคืนมาทำงานที่จังหวัดเลยอีกครั้ง จึงขอรื้อฟื้นทำทั้งจังหวัด เป็นส่วนหนึ่งในการจัดรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน เชิญทุกท่านร่วมสนับสนุนเสนอแนะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การรักการอ่าน การสร้างสังคมฐานความรู้ร่วมกันต่อไป...ครับผม

กศน.เลยมุ่งพัฒนาบุคลากรทุกคนด้านเทคโนโลยีก่อนที่จะลุยพัฒนาคนอื่นอย่างจริงจัง

กศน.เลยมุ่งพัฒนาบุคลากรทุกคนด้านเทคโนโลยีก่อนที่จะลุยพัฒนาคนอื่นอย่างจริงจัง

โดย บุญโชค พลดาหาญ


คงเป็นที่รู้กัน งานส่วนหนึ่งของกศน.ที่พอจะอวดอ้างได้ คือในเรื่องเทคโนโลยี ที่เรามีศูนย์เทคโนฯ ศูนย์วิทย์ฯ ทำหน้าที่ เป็นเหตุให้มีจานรับสัญาณดาวเทียมไทยคม ให้คนรับชมก่อนใคร ระยะหลังได้โอนให้คนอื่นเป็นส่วนใหญ่ เหลือไว้บ้างนิดหน่อย แถมยังใช้ไม่ค่อยได้เพราะหมดสภาพตามที่ทราบกันทั่วไป โครงการกศน.บ้านหลังใหญ่อาจเป็นหมัน หากไม่จัดการให้เป็นฟรีทีวี(คงยากเพราะนายทุนเสียผลประโยชน์) หรือทุ่มงบประมาณซื้ออุปกรณ์ด้านนี้ให้ใหม่และขยายเครือข่ายไปกับเคเบิ้ลทีวีสถานีทีวีทั้งหลาย

ส่วนในเรื่องคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นงานเด็ดอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งดร.รุ่งมุ่งปูทางให้กศน.เป็นผู้นำ ได้ทำมาก่อนใคร ๆ ในยุคปฏิรูประบบราชการ ในการนำมาพัฒนางานและการสอนชาวบ้าน กศน.เลยยังคงมุ่งส่งเสริมงานด้านนี้อย่างจริงจัง เพราะยังเป็นเรื่องทันสมัย เป็นหัวใจในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยตนเองส่วนหนึ่ง ซึ่งนำมาใช้ในการพัฒนางาน พัฒนาตนให้เป็นคนทันโลกทันเหตุการณ์ โดยประสานของบประมาณจาก อบจ.ได้ 20 ล้าน ในการทำห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ทุกอำเภอทั้ง 14 แห่ง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต


เพื่อให้ทิศทางการทำงานด้นนี้บรรลุผลอย่างเต็มที่ จึงมุ่งที่จะพัฒนาบุคลากรกศน.ทุกคน ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร ไล่จากผู้บริหารไปจนถึงข้าราชการ ครูอาสาฯ ครูศรช. ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวต่าง ๆ เพื่อให้บุคลากรกศน.ทุกคน เป็นผู้นำทางเทคโนโลยี มีการนำมาใช้ในการพัฒนางานพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง รวมทั้งนำไปสอนคนนักศึกษากศน. สอนชาวบ้าน ซี่งที่ห้องสมุดประชาชนทุกแห่งจัดให้มีทั้งส่วนฝึกอบรมและส่วนให้บริการ เปิดสอนทุกวันตามที่มีผู้สนใจมารับบริการ

กศน.เลย ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน ท่านใดสนใจติดต่อเรียนได้ที่ห้องสมุดประชาชนทุกอำเภอ นะครับ