วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2550

ของฝากผู้บริหาร

ของฝากผู้บริหาร
โดย บุญโชค พลดาหาญ


“ผู้บริหาร คือผู้รับผิดชอบงานรับผิดชอบคนขององค์กร และมีหน้าที่เป็นผู้นำองค์กรเป็นผู้แทนขององค์กร ภาพขององค์กรจะสะท้อนออกมาโดยดูที่ตัวผู้บริหาร ผู้บริหารจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่พึงระลึกไว้เสมอ ไม่ใช่จะทำอะไรตามอำเภอใจก็ได้”


“ผู้บริหารต้องวิเคราะห์บทบาทภารกิจขององค์กรให้ดี มีการวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งอุปสรรคและโอกาส ทำงานที่เป็นบทบาทภารกิจหลักขององค์กรให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ส่วนงานประเภทที่คุณขอมาที่ไม่ใช่ภาระหน้าที่เว้นได้เป็นดี มิเช่นนั้นจะเป็นการทำงานหนักทั้งปี แต่ไม่มีอะไรเป็นเนื้อเป็นหนัง ภารกิจซ้ำซ้อนหน่วยงานอื่นทั้งนั้น แถมไม่ได้รับการยอมรับกันอีกต่างหาก”



“ทุกองค์กรมีจุดยืนมีภารกิจของตน แต่เป้าหมายสุดท้ายล้วนเอาประชาชนเป็นสำคัญ จงพัฒนางานเพื่อบรรลุเป้าหมายสุดท้าย คือให้งานมีประสิทธิภาพประสิทธิผล ประชาชนพึงพอใจ ได้รับบริการที่ดีมีคุณค่า”


“นิ้วชี้หนึ่งนิ้วชี้ไปข้างหน้าว่าคนอื่นเขา แต่สามนิ้วชี้เข้าที่ตัวเรา ก่อนจะว่าใครเขาว่าตัวเราสอนตัวเราด้วย”


“ป่วยช่วยรักษา ผลงานก้าวหน้ายกย่องให้รางวัล ผิดพลาดช่วยกันประคับประคองแก้ไข จะให้งานใหม่ต้องพัฒนาให้มีความรู้อย่างเพียงพอ ติเพื่อก่อเพื่อสร้างสรรค์มิใช่ทำลาย”


“เป็นนักเลงเป็นได้ด้วยใจ เป็นผู้ใหญ่เป็นได้ด้วยวุฒิภาวะ จะเป็นอะไรก็อย่าลืมความเป็นคนของทุกคน ความเสมอต้นเสมอปลายไม่ลืมธาตุแท้ของตน ทุกคนล้วนประกอบด้วยธาตุทั้งสี่มีดินน้ำลมไฟ สุดท้ายคือแตกดับ”


“โลกทุกวันนี้นับวันแต่จะมีปัญหาสลับซับซ้อนมากมาย เพราะโลกก้าวไวไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ซึ่งคนจำนวนมากอาจปรับตัวไม่ทัน แต่ทุกปัญหาล้วนเกิดมาจากเหตุ จงวิเคราะห์หาสาเหตุให้พบ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุให้จบลงอย่างสร้างสรรค์ นี่คืองานท้าทายของผู้บริหาร”


“องค์กรจะก้าวหน้าดำรงอยู่ได้ เพราะมวลสมาชิกทั้งหลายร่วมด้วยช่วยกัน ทำภารกิจของตนนั้นให้สมบูรณ์มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ทุกคนมีความพึงพอใจมีความผูกพันในองค์กร เสียงสะท้อนภาพลบขององค์กรแม้เสียงเดียวก็ต้องรับฟัง และหาทางเยียวยาแก้ไข เสียงชมถึงมีมากมายก็อย่าได้หลงระเริงไป ผู้บริหารจะต้องใส่ใจในการวางแผนการปฏิบัติการตรวจสอบและการแก้ไขไปเป็นวัฏฏจักรไม่หยุดยั้ง”


“ผู้บริหารต้องรู้ตนรู้คนรู้งาน ประการสำคัญคือดูตนออกบอกตนได้ใช้ตนเป็น และการดูคนออกบอกคนได้ใช้คนเป็น การเลือกเฟ้นเอาคนดีคนเก่งมาทำงาน รู้จักการแบ่งงานมอบหมายงานให้ชัดเจนเหมาะสม มีการพัฒนาฝึกอบรมสอนงานให้อย่างต่อเนื่อง เรื่องการติดตามผลประเมินผลก็ต้องสม่ำเสมอ เจอปัญหาจะต้องรีบแก้ไขทันที มีการระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนมาใช้ในการบริหารการจัดการ ยืนหยัดความถูกต้องและการมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับได้”



“ทิศทางอนาคตงานบริการสาธารณะภาครัฐต้องลดน้อยถอยไป โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาทำหน้าที่สานต่อ ภาครัฐก็คงทำหน้าที่เพียงพี่เลี้ยงหรือเติมเต็มเท่านั้น ทุกภาคส่วนต้องปรับบทบาทภารกิจกันและร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ไม่ดันทุรังทำอย่างเคยแต่ต้องทำอย่างควร ไม่ทำองค์กรให้อ้วนเหมือนหมูซึ่งดูเทอะทะ เชื่อว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นองค์กรของประชาชน เป็นตัวแทนของประชาชน ย่อมเข้าใจประชาชนมีหัวใจคือประชาชน ถึงอย่างไรก็มีกลไกตรวจสอบจากประชาชนและภาครัฐอยู่แล้ว ต้องแน่วแน่มั่นใจในทิศทางนี้ เพื่อที่จะลดขั้นตอนลดงบประมาณในการบริหารจัดการลง ส่งเสริมให้ท้องถิ่นเกิดความเข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ งบประมาณส่วนใหญ่จะได้ลงไปในเรื่องของการพัฒนามากกว่าการเป็นเงินเดือนค่าจ้าง ซึ่งค่อน
ข้างจะสูงขึ้นๆ จนแทบไม่เหลืองบพัฒนา นี่คือปัญหาต้องปรับลดบทบาทภาครัฐลง โดยมีมาตรการส่งเสริมให้ข้าราชการลาออกอีกหนึ่งแสนคนภายใน5ปี รวมกับที่ลาออกไปแล้วก่อนหน้านี้ห้าหมื่นคนรวมเป็นหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ส่งผลให้ทุกองค์กรต้องปรับบทบาทภารกิจทำองค์กรให้จิ๋วแต่แจ๋ว ทำเฉพาะภารกิจที่วิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีคุณค่า และเป็นหน้าที่หลักจริงๆ สิ่งที่เป็นงานบริการสาธารณะจะต้องถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป โดยให้มีแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ชัดเจน ปรับเป็นระยะๆไปตามความเหมาะสม ท้องถิ่นจะล้มหรือยืนหยัดอยู่ได้ เป็นเรื่องท้าทายของชาวองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกคน เพื่อเป็นการประกาศศักดิ์ ศรีลบคำสบประมาทที่มี และเพื่อความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน ชาวกศน.ทุกคนขอให้กำลังใจ”




“ทุกวันนี้มีปัญหาในด้านเศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่ ทางแก้คือต้องยืนหยัดในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือทำกันแต่เปลือกนอกไม่ถึงแก่นไม่เป็นระบบครบวงจร ภาพสะท้อนพบว่าผู้นำ องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่ประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจัง ทั้งในระดับบุคคลระดับครัวเรือนและองค์กร ผู้บริหารจะต้องจัดให้บุคลากรในสังกัดทุกคนทำเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะผู้บริหารทั้งหลายนั่นแหละตัวสำคัญ จะต้องประพฤติปฏิบัติกันอย่างจริงจังทำด้วยใจ นำพาบุคลากรทั้งหลายทำให้เกิดมรรคเกิดผล ร่วมเรียนรู้พัฒนาตนไปพร้อมกับชาวบ้าน เรียนรู้จากโครงการพระราชดำริ จากผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในพื้นที่ และจากศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงที่มีใกล้บ้าน การเรียนรู้จากสื่อที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ตซึ่งมีมากมาย ให้มีการติดตามผลประเมินผล การผลักดันให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำเป็นเรื่องเป็นราวทั้งระบบ ร่วมขับเคลื่อนนโยบายทั้งระบบอย่างเต็มที่ ”


ฉบับนี้ขอจบไว้แค่นี้ก่อน ตอนไหนข้อความใดไม่ถูกอกถูกใจต้องขอโทษด้วย ช่วยกันนำไปพิจารณาตามแต่จะเห็นสมควร... ครับผม


ไม่มีความคิดเห็น: