วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2550

การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนต้องมาร่วมจัดการศึกษา

การศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนต้องมาร่วมจัดการศึกษา
โดย บุญโชค พลดาหาญ

การศึกษา ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศ เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนให้เป็นไปในทิศทางที่กำหนด เพื่อให้คนไปสร้างสรรค์พัฒนาในด้านต่างๆ หากได้คนเก่ง คนดี คนมีความรู้ความสามารถ คนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ย่อมนำพาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า และนำพาความผาสุก ความอยู่ดีกินดีมาสู่พี่น้องของเรากันถ้วนทั่ว กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ใช้ในปัจจุบัน ได้ให้ความสำคัญของการศึกษา กำหนดให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาแห่งชาติขึ้น(มาตรา 81) เพื่อให้การศึกษามีความเป็นเอกภาพทางนโยบาย แต่มีความหลากหลายในการปฏิบัติ โดยมี พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 18 ให้โรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่น เป็นผู้จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ และมาตรา 41 ให้ “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีสิทธิ์จัดการศึกษาในระดับใดระดับหนึ่งหรือทุกระดับตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถิ่น” มาตรา 42 “ให้กระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อม ในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีหน้าที่ในการประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งการเสนอแนะการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” และในกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 289 กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิ์ที่จะจัดการศึกษา อบรม และการฝึกอาชีพ ตามความเหมาะสม และความต้องการภายในท้องถิ่นนั้น และเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอบรมของรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ

จะเห็นว่า เรื่องการศึกษานั้นเป็นเรื่องของทุกคน ทุกคนจะต้องมาร่วมจัดการศึกษา เพื่อจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ ให้เป็น “คนเก่ง คนดี และมีความสุข”



ในส่วนของการศึกษานอกโรงเรียน ในปีนี้ (2549) ได้กำหนดผลลัพธ์สุดท้ายที่จะทำให้
เกิดขึ้นคือ ประชาชนเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ประชาชนมีการศึกษาเฉลี่ย 8.6 ปี (ปัจจุบันการศึกษาเฉลี่ย 8.2 ปี) ประชาชนกำลังแรงงาน (อายุ 15-59 ปี) ร้อยละ 43 มีการศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป เพื่อนำไปสู่สังคมฐานความรู้ โดยมียุทธศาสตร์การทำงาน คือ ลุยถึงที่
ตอบโจทย์ในใจผู้เรียน ขยายแหล่งเรียนรู้ให้หลากหลาย ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย และบริการเปี่ยมคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผนึกกำลังภาคีพันธมิตร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งพันธมิตรอื่น ๆ ร่วมกันจัดการศึกษานอกโรงเรียน ซึ่งเป็นไปตามกฎ
หมายรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ รวมทั้งการกระจายอำนาจทางการศึกษา


ซึ่งจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่สำรวจปี 2546 พบว่า จังหวัดเลยมีประชากรทั้งสิ้น 624,696 คน ประชากร กลุ่มอายุ 15-59 ปี ไม่มีการศึกษา 14,639 คน, การศึกษาต่ำกว่าประถมศึกษา 137,355 คน, การศึกษาระดับประถมศึกษา 111,039 คน, การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 63,990 คน รวมแล้วประชากรกลุ่มอายุ 15-59 ปี ของจังหวัดเลย ยังไม่จบมัธยมศึกษาตอนปลายมีมากถึง 327,023 คน


จึงขอเชิญชวนภาคีพันธมิตรทุกท่านร่วมจัดการศึกษานอกโรงเรียน โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่จะขอนำเสนอเพื่อโปรดพิจารณาให้ความอนุเคราะห์สนับสนุน คือ หน่วยงานการศึกษานอกโรงเรียน (โดยครูศูนย์การเรียนชุมชนประจำตำบลและเทศบาล) เป็นผู้สำรวจบัญชีรายชื่อประชากรกลุ่มอายุ 15 – 59 ปี ที่ยังไม่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยแยกเป็นกลุ่มผู้ไม่รู้หนังสือ ผู้ไม่จบชั้นประถมศึกษา ผู้ไม่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ผู้ไม่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย แล้วนำข้อมูลมาเสนอ อบต., เทศบาล, อบจ. โดย อบต. เทศบาล และ อบจ. ร่วมรับผิดชอบจัดการศึกษา ทำหน้าที่กระตุ้นให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายในเขตพื้นที่รับผิดชอบมาเข้ารับการศึกษา การคัดเลือกครูและวิทยากรมาจัดการเรียนการสอน และสนับสนุนงบประมาณในการจัดการศึกษา ระดับประถมศึกษาอุดหนุนหัวละ 226 บาท , ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายอุดหนุนหัวละ 581 บาท , การฝึกอบรมวิชาชีพและการฝึกอบรมหลักสูตรต่าง ๆ ตามความต้องการของประชาชนอุดหนุนหัวละ 700 บาท และสนับสนุนครุภัณฑ์ สื่อการเรียนการสอนต่าง ๆ อาคารสถานที่ ซึ่งจะเป็นเครดิตและเตรียมความพร้อมในการรับการถ่ายโอนงานด้านการศึกษา หรือการจัดการศึกษาด้วยตนเองโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อไป ส่วนสถานศึกษาและหน่วยงานอื่น ๆ ร่วมสนับสนุนครูและบุคลากรในการจัดการเรียนการสอนการศึกษาขั้นพื้นฐาน,วิชาชีพและหลักสูตรต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ครุภัณฑ์ อาคารสถานที่ และอื่น ๆ ในการจัดการศึกษา


โดยสรุปดังที่กล่าวเล่ามานี้ คงเป็นที่ชี้ชัดเรื่องการศึกษา ทุกคนต้องมาร่วมพัฒนา ร่วมจัดการศึกษากันทุกคน เพื่อส่งผลสร้างคนให้เก่งดีมีความสุข ทุกเวลาแสวงหาความรู้อยู่เสมอ เจอปัญหาแก้ได้ใช้ปัญญา ช่วยนำพาการพัฒนาที่ถูกทาง สร้างชุมชนเป็นชุมชนฐานความรู้ มุ่งสู่การพึ่งตนเองที่ยิ่งใหญ่ และการพัฒนาที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล แข่งขันได้ในเวทีโลกองอาจเอย

ไม่มีความคิดเห็น: